Staycation พร้อมจิบน้ำชายามบ่ายริมแม่น้ำที่ Capella Bangkok
ช่วงส่งท้ายปีที่ผ่านมา หลายคนอาจจะยังไม่มีโอกาสได้ไปเที่ยวหรือได้พักผ่อนสักเท่าไรนัก ปีใหม่ปีนี้ หากอยากจะมอบรางวัลให้กับตัวเองและคนใกล้ตัวสักชิ้นแล้ว การเปลี่ยนสถานที่นอน สถานที่พักใจ แบบที่ได้บรรยากาศดีๆ บริการเลิศๆ ใช้เวลาชิลๆ ได้ทั้งวันโดยที่ไม่ต้องออกไปไหน เราว่าการเลือก Staycation ที่โรงแรมริมแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างโรงแรมคาเพลลา กรุงเทพฯ (Capella Bangkok) ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยนะ
เพราะทางโรงแรมเขามีแพ็คเกจที่ผู้เข้าพักจะได้รับเครดิตเริ่มต้นที่ 8,800 บาท/คืน สำหรับใช้บริการในส่วนต่างๆ ของโรงแรมด้วย เรียกว่าจ่ายครั้งเดียวได้ 2 ต่อคือจ่ายค่าห้องพัก แต่ได้รัยเครดิตสำหรับใช้บริการส่วนอื่นๆ ของโรงแรมได้เพิ่มเติมด้วย เช่น บริการทรีทเมนท์เพื่อสุขภาพที่ Auriga Wellness, รับประทานอาหาร เครื่องดื่มที่ Côte by Mauro Colagreco หรือจิบน้ำชายามบ่ายที่ Tea Lounge เป็นต้น
การออกแบบที่ได้แรงบันดาลใจจากถนนสายประวัติศาสตร์ – ถนนเจริญกรุง
โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพฯ เป็นโรงแรมในเครือ Capella Hotels and Resorts ซึ่งเลือกเปิดที่กรุงเทพฯ เป็นที่แรกในเมืองไทย ก่อนหน้านี้ได้เปิดให้บริการในเมืองท่องเที่ยวสำคัญมาแล้วหลายแห่งทั้งเซียงไฮ้, สิงคโปร์, อูบุด, ซานยา และดึสเซลดอร์ฟ
สำหรับการออกแบบของคาเพลลา กรุงเทพฯ นั้นเกิดจากการร่วมมือกันระหว่างสถาปนิกแอนดี้ มิลเลอร์ (Andy Miller), ริชาร์ด สกอตต์ วิลสัน (Richard Scott Wilson) จาก Hamiltons International และทีมออกแบบตกแต่งภายในจากบริษัทบาโม่ (BAMO)
โดยพวกเขาได้แรงบันดาลใจมาจากประวัติศาสตร์ด้านวัฒนธรรมของถนนเจริญกรุง ถนนเส้นแรกของกรุงเทพฯ และเลือกนำมาถ่ายทอดผ่านการผสมผสานเข้ากับความผ่อนคลายในสไตล์การเข้าพักแบบรีสอร์ตที่มีความเงียบสงบท่ามกลางความเร่งรีบและวุ่นวายของเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ โดยมีแม่น้ำเจ้าพระยาตัวชูโรง ซึ่งทุกห้องพักและวิลล่ารวม 101 ห้อง ถูกออกแบบให้มองเห็นวิวแม่น้ำได้ เพราะฉะนั้นไม่ว่าคุณจะเลือกพักห้องพักในรูปแบบไหนก็จะได้รับประสบการณ์แบบรีสอร์ตริมน้ำเหมือนกันทุกห้อง
ผู้เข้าพักยังสามารถสัมผัสวิถีชีวิตของผู้คนในชุมชนด้วยบริการ “คาเพลลา คัลเจอร์ริสต์” (Capella Culturist) ที่สามารถให้ข้อมูล แนะนำหรือจัดกิจกรรมเชิงวัฒนธรรมร่วมสมัยในท้องถิ่นให้กับผู้เข้าพักให้ได้รับประสบการณ์และเรียนรู้วิถีชีวิตของผู้คนในย่านเจริญกรุงในระหว่างการเข้าพักที่โรงแรมได้อีกด้วย
เชฟเมาโร โกลาเกรโก เจ้าของรางวัลร้านอาหารที่ดีที่สุดในโลกประจำปีค.ศ.2019
สำหรับห้องอาหารที่ถือเป็นไฮไลท์ของโรงแรมคือ “โค้ท บาย เมาโร โคลาเกรคโค” (Côte by Mauro Colagreco) ที่เสิร์ฟอาหารสไตล์ริเวียร่าจากฝรั่งเศสและอิตาลี ภายใต้การดูแลของเชฟเมาโร โกลาเกรโก (Mauro Colagreco) เชฟลูกครึ่งอิตาลี-อาร์เจนตินา เจ้าของร้านอาหาร Mirazur ณ เมืองม็องตง ประเทศฝรั่งเศส และเป็นเจ้าของรางวัลร้านอาหารที่ดีที่สุดในโลกประจำปีค.ศ.2019 จากการจัดอันดับรายการ World’s 50 Best Restaurants 2019 ด้วย
นอกจากนั้นยังมีห้องอาหารไทย “พระนคร” (Phra Nakhon) ที่ดูแลโดยเชฟเล็ก – วิเชียร ไตรรัตนวาธิน เชฟผู้เกิดและเติบโตมาในย่านเจริญกรุง และ “สเตลลา บาร์” (Stella) ค็อกเทลบาร์ดีไซน์ลึกลับน่าค้นหาที่เสิร์ฟค็อกเทลเคล้าดนตรีป๊อปแจ๊ส และจุดเด่นของเสตลลา บาร์คือมีเซ็ตเมนูจับคู่เครื่องดื่มกับขนมหวานให้บริการด้วย เป็นการสร้างประสบการณ์แปลกใหม่สำหรับช่วงค่ำคืนได้เป็นอย่างดี
จิบน้ำชายามบ่าย ณ Tea Lounge ที่โอบล้อมด้วยทิวทัศน์อันเขียวขจี
สำหรับ ‘ชา’ นั้นจะเรียกว่าป็นมากกว่าเครื่องดื่มก็คงไม่ผิดนัก เพราะการดื่มชาเป็นวัฒนธรรมและประเพณีทางสังคมที่สืบสานกันมาอย่างยาวนานของชาวเอเชีย เช่นเดียวกับรสชาติและกลิ่นหอมของชาที่มีความเข้มข้น สลับซับซ้อนซึ่งเกิดจากการเพาะปลูกและปัจจัยภายนอกอื่นๆ อาทิ สภาพอากาศ ภูมิประเทศ และธรณีวิทยา เป็นต้น
สำหรับโรงแรมคาเพลลา กรุงเทพฯ นั้นได้ให้ความสำคัญกับการคัดเลือกชาโดยมี ‘ที คอนนะเซอร์’ (Tea Connoisseur) หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการชงชา เป็นผู้คัดสรรพันธุ์ชาหายากจากประเทศต่างๆ เช่นจากเทือกเขาที่มีอากาศเย็นสบายทางตอนใต้ของจีน หรือจากยอดดอยทางตอนเหนือของประเทศไทย โดยนำใบชาที่ได้มาพัฒนาและปรับปรุงสูตรพิเศษ คำนึงถึงการเลือกใช้วัตถุดิบธรรมชาติ พืชและพรรณไม้ ตลอดจนสมุนไพรนานาชนิดมาเป็นส่วนประกอบสำคัญ
และเพื่อเพิ่มอรรถรสและสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่น่าจดจำในการจิบน้ำชายามบ่ายที่ ‘ที เลานจ์’ ทางโรงแรมยังมีเครื่องดื่มสุดพิเศษ Signature Diamant Champagne ซึ่งผลิตโดย Vranken Pommery House ในประเทศฝรั่งเศส ที่มีบริการเฉพาะที่โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพฯ แห่งเดียวเท่านั้น
ที่คาเพลลา กรุงเทพฯ เชฟซิลแวง คองสตองส์ – เอ็กเซ็คคิวทีฟ เพสทรี เชฟ (Sylvain Constans – Executive Pastry Chef) เลือกเสิร์ฟอาฟเตอร์นูน ที (Afternoon Tea) ที่ผสมผสานวัฒนธรรมการจิบชาแบบตะวันตกและการดื่มชาของชาวเอเชียเข้าไว้ด้วยกัน เชฟซิลแวง มีประสบการณ์ในการสร้างสรรค์ขนมหวานให้กับร้านอาหารและร้านขนมชื่อดังมาแล้วทั่วโลก รวมถึงแบรนด์ร้านขนมที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง อาทิ ร้าน The Dorchester ในกรุงลอนดอน, ร้าน Dior des Lices ในเมือง Saint-Tropez และร้าน Beige Alain Ducasse ที่ร่วมมือกับแบรนด์แฟชั่นชื่อดังอย่าง “ชาเนล” ในกรุงโตเกียว เป็นต้น
ชุดน้ำชายามบ่ายที่นี่มีเอกลักษณ์และมีความโดดเด่นด้วยบริการรถเข็นชาและพรรณไม้ธรรมชาติหลากชนิด (Tea & Herb Trolley) มีประเภทชาให้เลือกหลากหลายชนิด อาทิ ชาดำ ชาขาว ชาเขียว หรือชาอูหลงแบบพรีเมียม ตลอดจนชาสมุนไพรสด ชาดอกไม้ ที่เราสามารถเลือกชาและเพิ่มส่วนผสมต่างๆ เช่น มะนาว ส้ม พืชสมุนไพร ฯลฯ ได้ตามความชื่นชอบ
และในขณะที่เราเริ่มจิบชา บริการของว่างเลิศรสก็จะเริ่มถูกทยอยเสิร์ฟมีทั้งไข่มุกฟรัวการ์ (Foie Gras Pearl) และอูนิรอยาล (Uni Royale) ก่อนจะเป็นขนมปังสโคนสไตล์โฮมเมดแบบฝรั่งเศส พร้อมแยมส้มโอผสมเครื่องเทศ มาร์มาเลดมะนาวและขิง และ คล็อตเต็ดครีม และเข้าสู่ช่วงไฮไลท์ด้วยรถเข็นขนมหวาน ที่ขนมหวานหน้าตาน่ารับประทานมากมายหลายชิ้นถูกจัดเรียงมาในตู้กระจกใส (Dessert Trolley) อาทิ ขนมพาย ขนมอบ มัดเดอแลน คุ้กกี้มาการอง และเค้กนานาชนิด เป็นต้น
เป็นประสบการณ์การดื่มน้ำชายามบ่ายที่มีเอกลักษณ์ ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยกลิ่นอาย มนต์เสน่ห์ และความสง่างามเหนือกาลเวลาของย่านเจริญกรุง และด้วยพื้นที่จำกัดของ ‘ที เลานจ์’ จึงสามารถให้บริการได้เพียง 20 ที่นั่งต่อวันเท่านั้น “Signature High Tea Experience” ของเชฟซิลแวงจึงถือเป็นหนึ่งในสถานที่จิบน้ำชายามบ่ายที่ไม่ควรพลาด
ชุด “Capella Signature High Tea Experience” ราคาท่านละ 1,500++ บาท และ “Capella Signature High Tea & Champagne” ราคาท่านละ 2,500++ บาท (ไม่รวมค่าบริการและภาษี 17.7%)
เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 14.00 – 18.00 น. สามารถสำรองที่นั่งได้ทางอีเมล์ tealounge.bangkok@capellahotels.com หรือ โทร. 0-2098-3888
นอกจากนี้ ทางโรงแรมยังมีแพ็คเกจพิเศษ STAYCATION ราคาเริ่มต้นคืนละ 17,500 บาท พร้อมบริการอาหารเช้าสำหรับ 2 ท่านและแชมเปญซิกเนเจอร์ของโรงแรม 1 ขวด รวมทั้งยังได้รับเครดิตเพื่อใช้ในห้องอาหารหรือรับบริการอื่นๆ ภายในโรงแรม เริ่มต้น 8,800 บาทด้วย
Capella Bangkok
ที่อยู่ : 300/2 ถนนเจริญกรุง ยานนาวา สาทร กรุงเทพฯ
เว็บไซต์ : www.capellabangkok.com
เรื่องและภาพ: ทัศวีร์ เจริญบุรีรัตน์