การตลาดแอนิเมชั่น : เมื่อแอนิเมชั่นซีรีส์ไม่ใช่ความนิยมเฉพาะกลุ่มอีกต่อไป
ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ส่งผลกระทบไปทั่วทั้งโลก ทำให้พฤติกรรมต่อความบันเทิงของผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง โดยหนึ่งในตัวอย่างที่เห็นชัดมากคืออุตสาหกรรม Streaming ที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดจากการที่คนต้องอยู่บ้านเพราะออกไปไหนไม่ได้
หนึ่งในหมวดของ Streaming ที่หลายคนในโลกเลือกดูคือ การ์ตูนแอนิเมชั่นซีรีส์จากญี่ปุ่น ซึ่งเราอาจพูดได้เลยว่า COVID-19 ส่งผลให้ความบันเทิงหมวดที่เคยฮิตเฉพาะกลุ่มถูกยกระดับขึ้นมาอยู่ในระดับเมนสตรีมเลยทีเดียว
โดยตัวเลขบนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งระดับโลกอย่าง Netflix และ IQIYI หรือของไทยอย่าง AIS PLAY และ true ID บอกเราว่าการ์ตูนแอนิเมชั่นซีรีส์มียอดรับชมรวมกันทุกเรื่องเกินว่า 100,000,000 ครั้งไปแล้ว
อะไรที่ทำให้การ์ตูนแอนิเมชั่นซีรีส์จากญี่ปุ่นถูกยกระดับสู่เมนสตรีม และการเกิดรายได้แบบลูกโซ่ต่อเนื่องนั้นมาจากอะไร เราจะสรุปให้คุณฟังกันครับ
การเติบโตของแอนิเมชั่นซีรีส์ในช่วง COVID-19
ในปี ค.ศ.2020 อาจพูดได้เลยว่าแอนิเมชั่นซีรีส์ได้กู้วิกฤติเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่น สาเหตุสำคัญก็มาจากความโด่งดังของ “ดาบพิฆาตอสูร” การ์ตูนที่สร้างความประทับใจให้คนทั้งโลก จากแอนิเมชั่นซีรีส์ที่ผลิตขึ้นโดย Ufotable Studio และถูกขายลิขสิทธิ์ต่อไปให้แพลตฟอร์ม Streaming ต่าง ๆ ทั่วโลก
ก่อนจะกลายเป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่นที่ทำรายได้สูงสุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น โค่นแชมป์เก่าดีกรีออสการ์อย่าง “Spirited Away” ลงได้สำเร็จ ด้วยตัวเลขที่สูงถึง 318,000,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ และมียอดพิมพ์หนังสือการ์ตูนเกิน 120,000,000 เล่มเลยทีเดียว
และในปี ค.ศ.2021 นี้ กระแสความฮอตของแอนิเมชั่นซีรีส์ก็ได้ถูกต่อยอดไปที่ Attack on Titan และ Jujutsu Kaisen ซึ่งเรื่องหลังก็ดูท่าจะไปได้สวย หลังเพิ่งมีการประกาศยอดขายว่าเพิ่มสูงขึ้นจากช่วงก่อนฉายแอนิเมชั่นซีรีส์ซึ่งอยู่ที่ 8,500,000 เล่ม โดยยอดขายเมื่อฉายไปแล้วเพิ่มสูงเป็น 45,000,000 เล่มเป็นที่เรียบร้อย
การเข้ามาของแบรนด์ที่มีต่อแอนิเมชั่นซีรีส์
กระแสนิยมของแอนิเมชั่นซีรีส์นั้นได้สั่นสะเทือนไปทั้งวงการ จนทำให้หลายแบรนด์นั้นหันมาให้ความสำคัญกับความบันเทิงหมวดนี้อย่างมาก
เราจะเห็นได้จากแบรนด์หลาย ๆ แบรนด์ อย่างแบรนด์รองเท้าชื่อดัง Skechers ที่ได้ออกสินค้ารุ่นพิเศษอย่าง SKECHERS X ONE PUNCH MAN หลังจากที่แอนิเมชั่นการ์ตูนเรื่องนี้ถูกประกาศทำซีซั่น 2 ซึ่งปัจจุบันรองเท้ารุ่นพิเศษนี้มียอดขายทั่วโลกกว่า 5 ล้านคู่แล้ว
หรือเรื่อง “ดาบพิฆาตอสูร” ที่ถูกนำไปคอลแลปกับแบรนด์มากมายไม่ว่าจะเป็นแบรนด์เสื้อผ้าอย่าง UNIQLO, แบรนด์แว่นตาอย่าง OWNDAYS หรือเกมออนไลน์อย่าง FREE FIRE
และที่ดูหลุดโลกไปเลยอย่าง Attack on Titan x UNO ซึ่งเป็นแบรนด์เครื่องสำอางนั่นเอง
เรียกว่าพอดังแล้วอะไรก็จับมาเจอกันได้หมดจริงๆ
อนาคตและทิศทางของแอนิเมชั่นซีรีส์
เราจะเห็นการขยับตัวของแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งที่หันมาให้ความสำคัญกับแอนิเมชั่นซีรีส์อย่างจริงจังมากขึ้น ตัวอย่างเช่น Netflix ที่กว้านซื้อลิขสิทธิ์แอนิเมชั่นซีรีส์หลายเรื่องมาฉายไว้แต่เพียงผู้เดียว และวางโปรเจกต์พัฒนาร่วมกับสตูดิโอผู้สร้างยักษ์ใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นหลายแห่ง
ฝั่งของนักเขียนการ์ตูนในปัจจุบันก็เริ่มมีการวาดเนื้อเรื่องให้ฉากหรือภาพนั้นเอื้อต่อการนำไปทำแอนิเมชั่นมากขึ้น และเกิดสตูดิโอใหม่ ๆ ผลัดกันสร้างผลงานแอนิเมชั่นซีรีส์ดี ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง
ถือว่าเป็นกำไรของผู้ชม และน่าสนใจว่าการเติบโตอย่างก้าวกระโดดนี้จะสร้างอิมแพคอะไรต่อวงการหลังจากนี้อีกบ้าง
“ฮาจิเมะ อิซายามะ : จากการ์ตูนที่ถูกปฏิเสธ ก่อนกลายเป็น Attack on Titan” คลิก
“のん! ล้มร้อยครั้ง ลุกร้อยครั้ง เส้นทางชีวิตที่ไม่ยอมแพ้ของนนจัง” คลิก