เรื่องน่ารู้ก่อนทำ Bento
Bento สไตล์ญี่ปุ่นเป็นยังไง?
ถึงแม้ในสมัยก่อน Bento เป็นการพกอาหารที่เรียบง่ายไปทานข้างนอก โดยเน้นให้อิ่มท้อง แต่ปัจจุบัน เบนโตะถือว่าเป็น ศิลปะอย่างหนึ่งที่นอกจากต้องแค่อิ่มท้องแล้วต้องมีหน้าตาที่น่าทาน มีคุณค่าทางสารอาหาร และมีรายละเอียดพื้นฐาน ที่ละเลยไม่ได้อยู่ด้วย ถ้าขาดสิ่งเหล่านี้ไปล่ะก็คงพูดไม่ได้เต็มปากว่านี่คือเบนโตะสไตล์ญี่ปุ่นที่สมบูรณ์
เบนโตคาแรคเตอร์สาวน้อยนอยหลับ
1.คิดคำนวญความสมดุลย์ของรสชาติ
สิ่งที่คิดถึงเป็นสิ่งแรกก่อนการทำเบนโตะก็คือ รสชาติต้องมีความสมดุลย์กันดีทั้งหวาน เปรี้ยว เค็ม เผ็ด
พร้อมกับต้องมีรสสัมผัสที่หลากหลาย มีคุณค่าทางโภชนาการ อร่อยและต้องดีต่อผู้ทานด้วย โดยควร
เริ่มเลือกจากจานหลัก ก่อน ว่าเป็นข้าว ขนมปัง หรือเส้น เพราะช่วยให้กำหนดเมนูกับข้าวอื่นๆ ได้ง่ายขึ้น
2.แบ่งสัดส่วนเป็น 3:2:1
ส่วนประกอบของเบนโตะแบ่งได้ 3 ประเภท ได้แก่ อาหารหลัก ซึ่งก็คือ ข้าว ขนมปังหรือเส้นต่างๆ อาหารเมนูหลัก
คือ เนื้อ หมู ไก่ ปลา และอาหารเมนูเคียง คือ ผักและผลไม้ โดยแบ่งสัดส่วนของกล่องเบนโตะทั้งหมดเป็น 3:2:1 ดังนี้
อาหารหลัก 3 ส่วน อาหารเมนูเคียง 2 ส่วน และอาหารเมนูหลัก 1 ส่วน
เบนโตะพี่หมีสุดน่ารักเอาใจเด็กๆ
3.3 สีสำคัญ 5 สีสมบูรณ์
การจัดเบนโตะให้ดูน่าทานถือเป็นศิลป์อย่างหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งชาวญี่ปุ่นได้กำหนดกับข้าวให้มี 5 สี
แบ่งเป็น 3 สีสำคัญที่ขาดไม่ได้ในเบนโตะทุกกล่อง คือ สีแดง, เหลือง เขียว และอีก 2 สี คือ สีน้ำตาลและสีดำ
ซึ่งจะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้ แต่ถ้ามีครบทั้ง 5 สีจะกลายเป็นเบนโตะที่สวยน่าทานพร้อมได้คุณประโยชน์ครบถ้วน
-สีแดง (สีส้ม) ได้แก่ ผักที่อุดมไปด้วยวิตามิน A อย่าง แครอท มะเขือเทศ ฯลฯ และเนื้อสัตว์
โทนสีแดง อย่าง ปลามากุโระหรือปลาแซลมอน เป็นต้น รวมทั้งผลไม้สีแดง อย่าง สตรอว์เบอรี่ ส้ม ฯลฯ
-สีเหลือง เป็นสีที่เต็มไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ ได้แก่ ผักผลไม้ อย่าง ฟักทอง มันเทศ เลมอน
เป็นต้น นอกจากนี้ก็ยังมีทามาโกะยากิ ไข่ต้ม มัสตาร์ด กล้วยฯลฯ
-สีเขียว ได้แก่ ผักสีเขียวทุกชนิด เช่น บล็อคโคลี่ ผักโขม ใบมิซุนะ ถั่วลั่นเตา ฯลฯ ซึ่งผักสีเขียว
เหล่านี้อุดมไปด้วยไฟเบอร์และวิตามิน C มากมาย
-สีน้ำตาล ได้แก่ เนื้อสัตว์และปลาที่อุดมไปด้วยโปรตีน เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู ฯลฯ
-สีดำ ได้แก่ บรรดาสาหร่ายสีดำที่เต็มไปด้วยแร่ธาตุ เช่น ฮิจิกิ วากาเมะ เป็นต้น
4.1, 3 และ 4 ชิ้น คือสิ่งต้องห้าม
ชาวญี่ปุ่นเป็นชนชาติที่ละเอียดอ่อนต่อความเชื่อและโชคลางเช่นเดียวกับคนไทย
พวกเขาตั้งกฎข้อห้ามสำหรับการทำเบนโตะเพื่อป้องกันลางไม่ดีเอาไว้ คือ ห้ามใส่กับข้าวทุกชนิด
ที่ถูกตัดหรือหั่นเพียงแค่ 1 ชิ้นและ 3 ชิ้น เนื่องจากในภาษาญี่ปุ่นตัด 1 ชิ้น คือ 一切れ (Hitokire)
ไปพ้องเสียงกับ 人切れ(Hitogire) ที่หมายถึง การฆ่าคน และตัด 3 ชิ้น ภาษาญี่ปุ่นคือ 三切れ (Mikire)
พ้องเสียงกับคำว่า身切れ (Migire) หมายถึง หั่น (สับ ตัด) เนื้อ ซึ่งคนญี่ปุ่นถือว่าเป็นลางไม่ดี
สุดท้ายคือ 4 ชิ้น ในภาษาญี่ปุ่น คือ 四切れ (Yokire) พ้องเสียงกับ世切れ (Yogire) หมายถึง
ตัดขาดจากโลก หรือตายไปแล้ว เพราะฉะนั้นจำนวนที่เหมาะสมจึงเป็น 2 ชิ้นหรือ 5 ชิ้นนั่นเอง
เบนโตะมังสวิรัต
5.อุณหภูมิของอาหารก็เป็นเรื่องที่สำคัญ
ข้าวที่เพิ่งหุงเสร็จร้อนๆ ควรต้องพักไว้ให้เย็นก่อนเสมอ เพราะเมื่อใส่ตอนที่ยังร้อนลงไปในเบนโตะ
จะทำให้เกิดไอร้อนและหยดน้ำ ข้าวจึงบูดได้ หรือกับข้าวที่มีน้ำมากบางชนิด ควรซับให้แห้ง
ก่อนใส่เช่นกัน รวมไปถึงการหาถุงที่สามารถรักษาอุณหภูมิให้อยู่ได้นาน ก็ช่วยให้
ข้าวกล่องนั้นน่าทานไปตลอดทั้งวันได้
6.หลีกเลี่ยงของแหลมคมในข้าวกล่อง
ที่จิ้มอาหารที่มีรูปทรงและดีไซน์น่ารักก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนที่ชื่นชอบการทำข้าวกล่อง อย่างแน่นอน
แต่ถ้าใครหาไม่ได้ อาจเลือกใช้ไม้จิ้มฟันแทน ซึ่งจริงๆ แล้วควรหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะใน ข้าวกล่องสำหรับเด็ก
เพราะอาจเป็นอันตรายต่อพวกเขาได้ เทคนิคง่ายๆ ที่กูรูเบนโตะชาวญี่ปุ่นแนะนำ คือ ใช้เส้นสปาเก็ตตี้
มาเสียบในอาหารแทน เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก ความชื้นและความร้อนจากอาหาร จะทำให้เส้นสปาเก็ตตี้
อ่อนตัวลงโดยอัตโนมัติ อร่อย ไอเดียดี และไม่เป็นอันตรายต่อเด็กอีกด้วย
เบนโตะข้าวคลุกน้ำพริกแบบไทย