เริ่มแล้วสำหรับงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 47
และงานสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 17
(Bangkok International Book Fair 2019)
ระหว่างวันที่ 28 มีนาคม – 7 เมษายน 2562 เวลา 10.00 – 21.00 น. (เฉพาะ 29 มีนาคม เปิดให้เข้าชมเวลา 12.00 – 21.00 น. )
ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
.
โดยงานนี้จะเป็นงานสุดท้าย ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ก่อนจะย้ายไปจัดในสถานที่ใหม่นั่นเอง
โดยในงานนี้จะมีหนังสือเกี่ยวกับญี่ปุ่นเล่มไหน น่าสนใจบ้างไปตามอ่านที่เราเลือกมาแนะนำกันได้เลย
หนังสือ : คาเฟ่ลูส เมนูที่รักจากการเดินทาง
ผู้เขียน : ฟูมิเอะ คนโด
ผู้แปล : กนกวรรณ เกตุชัยมาศ
สำนักพิมพ์ : Sunday Afternoon
H12 โซน Plenary Hall
หนังสือแปลลำดับล่าสุดของสำนักพิมพ์ Sunday Afternoon ที่เล่าถึง “นาระ เอโกะ” พนักงานออฟฟิศอายุสามสิบเจ็ด สาวโสดผู้ไม่มีงานอดิเรกจริงจัง และคิดว่าโซฟาที่บ้านคือสถานที่ที่เธอโปรดปรานที่สุดในโลก กลับได้พบสถานที่แสนสบายใจแห่งใหม่ เมื่อก้าวเข้าไปในคาเฟ่ขนาดกะทัดรัดในบ้านเดี่ยวสีขาว แทรกตัวอยู่ท่ามกลางย่านพักอาศัย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาทำให้ชีวิต ธรรมดาๆ แสนจำเจของเธอได้สัมผัสกับความรื่นรมย์ในรูปแบบที่ต่างออกไป ผ่านฝีมือการทำของหวาน อาหาร และเครื่องดื่ม ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากการเดินทางของเชฟสาวเจ้าของ “คาเฟ่ลูส” แห่งนี้
.
นวนิยายสไตล์ cozy mystery ไขข้อสงสัยในสถานการณ์รอบตัว ผ่านของอร่อยและความรอบรู้ของเชฟสาวเจ้าของคาเฟ่ ผู้ชอบออกเดินทางหาประสบการณ์ใหม่ๆ เรื่องราวเบื้องหลังเมนูที่น่าลิ้มลอง และความลับเกี่ยวกับตัวตนของเธอ จะทำให้คุณรู้สึกประทับใจเหมือนได้ออกเดินทางท่องเที่ยวไปด้วย
.
แค่อ่านเรื่องย่อก็อยากอ่านแบบเต็มๆ แล้ว พุ่งตัวไปที่อ่านหนังสือกันเลย
หนังสือ : เจแปนดิเนเวีย
ผู้เขียน : ปาลิดา พิมพะกร
สำนักพิมพ์ : Sunday Afternoon
H12 โซน Plenary Hall
ผู้เขียนยังคงเก็บเรื่องราวน่ารักจากประสบการณ์การอ่าน ความสนใจส่วนตัวของผู้เขียน การทำงาน และระหว่างที่ได้ออกเดินทาง มาถ่ายทอดเป็นหนังสือสีเขียวสดใส ที่หยิบคำว่า “เจแปน” กับ “สแกนดิเนเวีย” มารวมกัน ซึ่งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบงานดีไซน์สไตล์ญี่ปุ่น ย่อมรู้ว่าศิลปะและการออกแบบร่วมสมัยจากกลุ่มประเทศนอร์ดิกและสแกนดิเนเวียมีอิทธิพลต่อรสนิยมเรื่องความสวยความงาม ของคนญี่ปุ่นสมัยใหม่มาเป็นเวลานาน อิทธิพลที่ว่านี้ยังเชื่อมโยงไปถึงวิถีชีวิต และการมองโลกที่ฝักใฝ่ความใกล้ชิดกับธรรมชาติ ความเรียบง่าย และการนำรายละเอียดที่พบเห็นในธรรมชาติมาดัดแปลงเป็นลวดลายตกแต่งและงานดีไซน์ในหลากหลายสาขา ตั้งแต่เสื้อผ้าไปจนถึงอาคารบ้านเรือน
.
ความหลงใหลในวัฒนธรรมญี่ปุ่นของผู้เขียน ทำให้เธอได้พบเห็นงานดีไซน์สไตล์สแกนดิเนเวียผ่านหน้านิตยสารและร้านรวงในประเทศญี่ปุ่นอยู่เสมอ จนกลายเป็นความสนใจที่สะสมมากขึ้นเรื่อยๆ วันหนึ่งเธอจึงตัดสินใจเดินทางไปสัมผัสความงามของกลุ่มประเทศที่ขึ้นชื่อว่าน่าอยู่ที่สุดในโลกด้วยตัวเธอเอง ทริป นอร์เวย์ สวีเดน ฟินแลนด์ และเดนมาร์ก ในหนังสือ “เจแปนดิเนเวีย” จึงเป็นการเดินทางของคนรักเจแปนที่ประทับใจในการสร้างสรรค์แบบสแกนดิเนเวียขึ้นมาจับใจ
.
อยากอ่านแบบเต็มๆ รวดเดียวจบแล้วไปงานหนังสือกัน
หนังสือ : TOKYO JAPAN DIARY
ผู้เขียน : ศศิ วีระเศรษฐกุล
สำนักพิมพ์ : Fullstop
G17 โซน Plenary Hall
หนังสือ Sketch Book ผลงานของนักวาดการ์ตูนขวัญใจวัยเราอีกคน ที่เลือกจะเล่าเรื่องราวการเดินทางไป “TOKYO” และ “SHIRAKAWAKO” สองเมืองน่ารักในประเทศญี่ปุ่นผ่านลายเส้นของเขา ความน่ารักถูกถ่ายทอดเป็นภาพบรรยากาศบนท้องถนน ผู้คน และบ้านเรือน ผ่านสีน้ำแสนละมุนตลอดทั้งเล่ม ซึ่งผลงานของคุณศศิ จัดทำโดยสำนักพิมพ์ Fullstop ผู้พิมพ์หนังสือภาพของเขามาแล้วหลายเล่มนั่นเอง
หนังสือ : ครอบครัวที่ลัก (SHOPLIFTERS)
ผู้เขียน: Hirokazu Koreeda
ผู้แปล: ฐิติพงศ์ ศิริรัตน์อัสดร และ สกล โสภิตอาชาศักดิ์
สำนักพิมพ์ : Maxx Publishing
B12 โซน Plenary Hall
นิยายแปลอีกเล่มที่เป็นเรื่องราวจากภาพยนตร์รางวัลปาล์มดอร์ แห่งเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ที่จะทำให้คนอ่านเข้าใจความสัมพันธ์ของครอบครัวที่แตกต่าง เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับครอบครัวหัวขโมยที่สะท้อนให้เห็นภาพอีกด้านหนึ่งของสังคมญี่ปุ่น ที่เบื้องลึกไม่ได้มีแต่สิ่งสวยงามแต่กลับมีความดำมืดที่แฝงไว้โดยที่เราไม่เคยรับรู้มาก่อน
.
เนื้อเรื่องเล่าถึงตัวละครชื่อโอซามุ ชายวัยกลางคนที่ไม่เพียงแต่เป็นคนงานรับจ้างรายวัน เขายังมีงานเสริมที่ไม่ค่อยจะดีนักอย่างการลักเล็กขโมยน้อย โดยมีโชตะ เด็กชายในครอบครัวเป็นผู้ช่วย วันหนึ่งขณะทั้งคู่กลับจากการขโมยของ โอซามุและโชตะได้เจอกับ ยูริ เด็กหญิงตัวน้อยที่ถูกปล่อยให้อยู่ตามลำพังคนเดียว จึงได้ตัดสินใจพาเธอกลับมาที่บ้าน แม้ว่า โนบุโยะ ภรรยาของเขาจะคัดค้านให้เขานำเด็กกลับไปส่งยังที่เดิม แต่แล้วพวกเขาก็พบว่าการให้เด็กหญิงอยู่ด้วยนั้นคือทางออกที่ดีที่สุด ทั้งสมาชิกคนอื่นในครอบครัวอย่างสาววัยรุ่นชื่อ อากิ และคุณยาย ฮัตสุเอะ ก็ให้การต้อนรับและดูแลเป็นอย่างดี
.
แม้ครอบครัวของพวกเขาและยูริสมาชิกใหม่จะมาอาศัยอยู่ในบ้านหลังเก่าผุพัง ใช้ชีวิตด้วยเงินที่หามาได้เพียงน้อยนิด กอปรกับการลักขโมยที่ดูจะผิดศีลธรรมจรรยา พวกเขาก็ยังคงเป็นครอบครัวที่อยู่กันอย่างมีความสุข ทว่าในช่วงเวลาที่ทุกอย่างกำลังไปด้วยดี ความลับบางอย่างก็เริ่มเผยออกมาทำให้ทั้งครอบครัวต้องสั่นคลอน
หนังสือ : คินสึงิ (KINTSUGI) ความงามของบาดแผลแห่งชีวิต
ผู้เขียน : Tomas Navarro
ผู็แปล : วุฒิชัย กฤษณะประกรกิจ
สำนักพิมพ์ : Move Publishing
B12 โซน Plenary Hall
สำนักพิมพ์ Move Publishing ยังคงผลิตงานแปลคุณภาพออกมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากนำเสนอหนังสือที่เล่าเรื่องการค้นหาความหมายของชีวิตแบบ “อิคิไก” สู่การเยียวยาบาดแผลในหัวใจแบบ “คินสึงิ” ที่เหล่านักอ่านไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
.
หนังสือเล่มนี้ถ่ายทอดมุมมองเส้นทางชีวิตของคนเรา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหน้าที่การงาน ความรัก ความใฝ่ฝัน ปฏิเสธไม่ได้ว่าเส้นทางเหล่านั้นไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เราจะพบเจออุปสรรคที่ก่อให้เกิด “ความทุกข์” เข้าทำร้ายใจให้เป็นแผล และหลายครั้งที่แผลเหล่านั้นลึกยาวยากจะเยียวยา เช่น การงานที่ใฝ่ฝันต้องพังพาบลง การสูญเสียผู้เป็นที่รัก เผชิญกับอาการเจ็บป่วยร้ายแรงหรืออุบัติเหตุที่ส่งผลให้ชีวิตไม่เหมือนเดิม หรือกระทั่งความเจ็บปวดจากการกำเริบขึ้นของบาดแผลจากอดีต เช่น การถูกทำร้ายจิตใจในวัยเด็ก เหล่านี้ล้วนเป็นบาดแผลที่อาจไม่มีวันหายดีและเจ็บแปลบอยู่เป็นระยะ หากไม่ได้รับการเยียวยา ต่อให้เราพบเจอความสุขที่ต้องการบนหนทางข้างหน้า บาดแผลเหล่านี้ก็จะยังกำเริบ ทำให้เราเจ็บได้เสมอ
.
คินสึงิ (Kintsugi) คือวิธีซ่อมแซมภาชนะที่แตกเสียหายอย่างประณีตด้วยรักทองของชาวญี่ปุ่น เพราะเชื่อกันว่าถ้วยชามที่แตกไปไม่ควรนำไปทิ้งขว้าง หากแต่ควรถูกซ่อมให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง และเป็นปรัชญาคินสึงินี้เองที่ถูกนำมาประยุกต์ใช้ซ่อมแซมแผลใจที่หนักหนา และค้างคาเพื่อที่เราจะไม่ต้องทนเจ็บปวดกับมันอีก และก้าวเดินไปตามเส้นทางชีวิตของเราได้อย่างเข้มแข็ง “อิคิไกของคุณคืออะไร?” หลายคนพบคำตอบต่อคำถามยอดฮิตที่ถูกถามต่อๆ กันมาจากหนังสือ “อิคิไก ความหมายของการมีชีวิตอยู่” และหาก “อิคิไก” คือการให้ความหมายกับการมีชีวิตเพื่อเดินไปในอนาคตอย่างมีความสุข “คินสึงิ” ก็คือวิธีเยียวยาแผลใจจากอดีตเพื่อให้เราก้าวเดินไปตามเส้นทางนั้นอย่างเข้มแข็งยิ่งขึ้นนั่นเอง
หนังสือ : JAPAN’S SMALL TOWNS
#เที่ยวญี่ปุ่นเมืองเล็กรอบเมืองใหญ่
ผู้เขียน : เที่ยวญี่ปุ่นดอทคอม
สำนักพิมพ์ : AMARIN TRAVEL
ร้านนายอินทร์ Q26 โซน C ชั้น 2
พ็อกเก็ตบุ๊คเล่มใหม่ เป็นผลงานลำดับที่ 3 ของทีมงานเที่ยวญี่ปุ่นดอทคอม ผู้คร่ำหวอดในเส้นทางท่องเที่ยวญี่ปุ่น ที่จะเปิดตัวครั้งแรกในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 47 ณ ศูนย์ประชุมฯ สิริกิติ์นี้โดยเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับ ทุกคนที่ชื่นชอบเที่ยวญี่ปุ่น และอยากลองไปเที่ยวเมืองเล็กๆ ที่ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จัก อยากเดินทางไปค้นหามุมน่ารักๆ สัมผัสความเป็นญี่ปุ่นที่แท้จริง และยังคงคอนเซ็ปต์เดินทางไปได้ง่ายจากเมืองใหญ่ที่เราคุ้นเคย
.
ใครมี2 เล่มแรก #เที่ยวญี่ปุ่นไม่ซ้ำใคร และ #อินะกะเจแปน อยู่บนชั้นหนังสือแล้ว รับรองว่าเนื้อหาไม่ซ้ำเดิม โดยทีมงานตั้งใจจะคัดเลือกเมืองที่พวกเขาหลงใหล และได้ไปเห็นด้วยตัวเองจริง ตลอดช่วงเวลาเก็บข้อมูล 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา
หนังสือ : โคโนะ เก็นโตะ ราชาสมองเพชร
ผู้เขียน : โคโนะ เก็นโตะ (Gento Kono)
สำนักพิมพ์ : AMARIN HOW-TO
ร้านนายอินทร์ Q26 โซน C ชั้น 2
วิธีสร้างซูเปอร์สมองที่จะทำให้คุณเป็นยอดนักคิดที่เรียนรู้เร็ว มีตรรกะและความจำเป็นเลิศ จากอัจฉริยะที่โด่งดังที่สุดในขณะนี้ ซึ่งหลายคนคงคุ้นชื่อ โคโนะ เก็นโตะ แชมป์สองสมัยจาก King of Brain รายการที่รวบรวมหัวกะทิจากทั่วญี่ปุ่นมาแข่งขันตอบคำถามแนววิชาการสุดโหดหิน ที่ต้องอาศัยการวิเคราะห์ที่ซับซ้อนและความจำที่แม่นยำกว่าจะตอบได้ แต่โคโนะกลับทำได้ง่ายๆ ในเวลาไม่กี่วินาที
.
ยิ่งได้ทราบประวัติว่า เด็กหนุ่มคนนี้เรียนคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยโตเกียว ที่ขึ้นชื่อว่าเข้ายากเย็น แถมยังสอบเนติบัณฑิตผ่านตั้งแต่ครั้งแรก โดยยังรักษาผลการเรียนเป็นเลิศไว้ได้ จังไม่แปลกที่คนส่วนใหญ่จะเข้าใจว่าเขาต้องมีสมองที่พิเศษกว่าคนทั่วไป
.
ความจริงแล้วโคโนะไม่ได้มีสมองที่ดีกว่าคนอื่นๆ เลย เขาแค่กระหายที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และรู้จักวิธีรับข้อมูลอย่างถูกต้อง เพื่อให้แสดงผลลัพธ์ออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ แถมยังเป็นเทคนิคที่ใครๆ ก็ทำได้ทันที ไม่ว่าจะเป็น หลังจากที่อ่านหนังสือเล่มนี้จบ แล้วคุณก็จะรู้ว่าการสร้างซูเปอร์สมองที่คิดอย่างฉับไว และจำแม่นแบบไม่ต้องจดนั้น…ไม่ได้ยากเย็นเลย
หนังสือ : KAZE โอบกอดสายลม พร่างพรมละอองฝน
ผู้เขียน : อนุสรณ์ สนะพันธุ
สำนักพิมพ์ : P.S.Publishing
G03 โซน Plenary Hall
หนังสืออีกเล่มที่พาผู้อ่านออกเดินทาง ไปพร้อมกับสมการความสุขที่มีมอเตอร์ไซค์บวกกับภาพภูเขาไฟฟูจิตรงหน้า ประกอบกับม่านหมอก พายุฝนและสายลมหนาว ผู้เขียนพาละเลียดไอหนาวท่ามกลางพายุฝนและลมแรงทบทวนทุกลมหายใจ ความสัมพันธ์ที่เพิ่งผ่านพ้น และความหมายของชีวิต
.
การเดินทางเพียงลำพังด้วยมอเตอร์ไซค์ และสัมภาระสำหรับกางเต็นท์บนเส้นทางที่ไม่คุ้นเคยรอบทะเลสาบซึ่งมีภูเขาไฟฟูจิเป็นฉากหลัง แม้จะเต็มไปด้วยอุปสรรค ฝนฟ้าไม่เป็นใจ วางแผนผิดพลาด พยากรณ์อากาศผิดเพี้ยน เพื่อนร่วมทริปเปลี่ยนใจกะทันหัน แต่หากมีใจรักการเดินทาง คุณย่อมไม่หวั่นไหว เพราะรู้ดีว่าในทุกการเดินทางคุณจะได้พบบางสิ่งที่มีผลต่อการเต้นของหัวใจและระยะโฟกัสของสายตา
.
“Kaze โอบกอดสายลม พร่างพรมละอองฝน” เป็นหนังสือที่เล่าถึงโร้ดทริปแบบโดดเดี่ยวแต่เด็ดเดี่ยวของ ‘อนุสรณ์ สนะพันธุ’ ชายหนุ่มนักเดินทางผู้ชื่นชอบช่วงเวลาที่สายลมปะทะใบหน้า ยามอยู่บนมอเตอร์ไซค์ ครั้งนี้เขาเก็บเกี่ยวประสบการณ์มวลความหนาวเหน็บ ละอองฝนที่พร่างพรม เศษเสี้ยวทรงจำในวูบไหวของเปลวไฟ และเรื่องเล่าเต็มเต็นท์มาเป็นของฝาก อ่านจบแล้วจะได้พบกับญี่ปุ่นในมุมมองใหม่ ที่เต็มไปด้วยเรื่องไม่คาดฝันจากนักเดินทางหนุ่ม ‘อนุสรณ์ สนะพันธุ’ เจ้าของเพจ Journey Dep ที่จะพาคุณซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ไปนอนกางเต็นท์ริมทะเลสาบ ชมความงามของภูเขาไฟฟูจิ
หนังสือ : เมืองน่าอยู่ที่รู้สึก
ผู้เขียน : Little Thoughts
สำนักพิมพ์ : ลิทเทิลธอทส์
G03 โซน Plenary Hall
แค่มองหน้าปกหนังสือก็คิดถึงจ.อาโอโมริมาในทันทีที่เห็น และทำให้นึกตั้งคำถามต่อว่าจะมีเมืองไหนบ้างที่เราอยากไปอยู่ เริ่มจากจ. AOMORI ผู้เขียนได้ออกเดินทางตามหารอยยิ้มกว้างที่หายไป ในเมืองที่มีทุกอย่างแค่พอดี แล้วก็มีเมือง YOKOHAMA จ.คานากาว่า เมื่อไม่อยากเป็นเพียงท่าเรือขนส่งสินค้า จึงรื้อเมืองเพื่อสร้างเมืองน่าอยู่ขึ้นใหม่ นอกจากนั้นยังพาผู้อ่านออกเดินทางไปอีกหลายเมืองน่าอยู่ทั่วโลก อย่าง BEIJING มากกว่าชัยชนะเหนือ PM. 2.5 คือการฟื้นคืนชีวิตรื่นรมย์ในเมืองใหญ่ VIENNA เพราะบ้านสาธารณะเป็นมากกว่าการสงเคราะห์ เวียนนาจึงน่าอยู่ที่สุดในโลก TEHRAN ศิลปะท้องถนนในรัฐศาสนา หรือบทสนทนาวัดกำลัง FLORENCE การดำรงอยู่ของความสง่างาม และความลับที่เรายังไม่รู้ EDINBURGH เราผิดพลาดอะไรตรงไหน ย้อนกลับไปสนทนากับสองผู้ยิ่งใหญ่ในยุคเรืองปัญญาสก็อต SHANGNAI แรงเหวี่ยงแห่งโชคชะตาครั้งใหม่ และความหลงใหลไม่สิ้นสุด BRUGES หน้าตาเมืองแบบเก่าและการใช้สอยแบบใหม่ อยู่ด้วยกันได้อย่างไร และ SINGAPORE เพราะมีต้นไม้ จึงไม่ใช่ประเทศโลกที่สาม
.
ผู้เขียนกำลังบอกเราว่า ทุกเมืองมีเรื่องราวของตนเอง มีความน่าสนใจ และให้มุมมองใหม่ๆ กับเราด้วย การออกเดินทาง และบรรยากาศที่แตกต่างออกไปนั้น ยังช่วยให้เราได้ตรวจสอบว่าทำอะไรหล่นหายไปบ้างระหว่างทาง สิ่งนั้นอาจเป็นรอยยิ้มแสนง่าย ความรู้สึกโปร่งโล่ง และความเชื่อมโยงระหว่างผู้คนกับเมืองที่เราอาจไม่รู้ตัวว่าทำมันหายจนกระทั่งไปพบมันระหว่างทางนั่นเอง เรียกว่าเป็นหนังสือน่าอ่านจากงานหนังสือปีนี้ ที่ควรมีติดชั้นหนังสือที่บ้านไว้อ่านอีกเล่ม
หนังสือ : ผู้อัญเชิญไฟ THE EMISSARY [献灯使]
ผู้เขียน : Yoko Tawada
ผู้แปล : มุทิตา พานิช
สำนักพิมพ์ : กำมะหยี่
L 26
นวนิยายดิสโทเปีย ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง ถ่ายทอดเรื่องอนาคตอันไม่ไกล หลังจากที่ญี่ปุ่นปิดประเทศ ตัดขาดจากโลกภายนอกหลังเจอภัยพิบัติครั้งใหญ่ กรุงโตเกียวแปดเปื้อนมลภาวะจมฝุ่นพิษร้างผู้คน สัตว์ป่าสูญหาย พืชผักกลายพันธุ์ ระบบธนาคารล้มเหลวปิดตัว คุณค่าในอดีตสิ้นสลาย ตัดอินเทอร์เน็ต งดใช้เครื่องไฟฟ้า ห้ามใช้ภาษาต่างประเทศ คนชราอายุยืน เด็กรุ่นใหม่อ่อนแอ และสิ่งที่ดูคล้ายจะบอบบางไม่ต่างกัน คือ ความหวัง
.
แค่อ่านเรื่องย่อแล้วก็อยากรู้แล้วว่าเนื้อเรื่องจะดำเนินต่อไปอย่างไร พบได้ที่บูธสำนักพิมพ์กำมะหยี่ได้เลย
เป็นหนังสือเกี่ยวกับญี่ปุ่น 10 เล่ม ที่อยากแนะนำ สำหรับใครที่ไปงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 47 และงานสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 17 นี้ มีครบรสทั้งหนังสือนิยาย หนังสือฮาวทู หนังสือที่ว่าด้วยประสบการณ์การเดินทาง หนังสือแปลที่น่าสนใจ
-ไปหาหนังสือที่เราชอบอ่านกันค่ะ-