สัมผัสประสบการณ์แซ่บนัว อีสาน โซล ฟู้ด เสน่ห์แห่งอาหารอีสานประจำถิ่น ณ Cafe Chilli

ช่วงที่อากาศร้อนระอุจนแทบหมดแรงแบบนี้ ถ้านึกถึงอาหารญี่ปุ่นในช่วงอากาศร้อนก็คงจะเป็นซารุโซบะหรือโซบะเย็น แต่หากนึกถึงอาหารไทย นอกจากข้าวแช่แล้ว เรากลับนึกถึงการสู้กับอากาศร้อน ๆ ด้วยความแซ่บนัวของอาหารอีสาน ครั้งนี้ดาโกะจึงจะพาทุกคนไปแซ่บนัว นั่งกินอาหารอีสานแบบสบาย ๆ ในบรรยากาศเย็น ๆ ที่ “คาเฟ่ ชิลลี่” (Cafe Chilli : Isan Soul Food) ร้านอาหารอีสานแนวใหม่สไตล์คาเฟ่ สาขาใหม่ล่าสุดที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

สัมผัสประสบการณ์แซ่บนัว อีสาน โซล ฟู้ด เสน่ห์แห่งอาหารอีสานประจำถิ่น ณ Cafe Chilli

ที่นี่เราจะได้สัมผัสกับอาหารอีสานเรียบง่ายแต่จัดจ้านด้วยศิลปะและเทคนิคการปรุงซึ่งต้องยกให้เครื่องปรุงรสชั้นดีอย่าง น้ำปลาร้า วัตถุดิบสดใหม่ที่หมุนเวียนเปลี่ยนตามฤดูกาล และผักพื้นบ้านกลิ่นรสเฉพาะตัว พร้อมสูตรเด็ดเคล็ดลับของแต่ละท้องถิ่นซึ่งทางร้านได้เลือกเฟ้นวัตถุดิบที่ดีที่สุดจากแหล่งต่าง ๆ มาสร้างสรรค์อาหารรสชาติแซ่บแบบอีสานแท้ ๆ ที่เข้าถึงได้

และที่สำคัญคือ คาเฟ่ ชิลลี่ เต็มไปด้วยเมนูอาหารอีสานต้นตำรับที่คัดสรรมาให้แล้วอย่างดี ซึ่งถือเป็นอาหารอีสานจานเด็ดของจังหวัดต่าง ๆ ถึง 21 เมนูจาก 20 จังหวัด อาทิ ส้มตำด๊องแด๊ง (จัดหวัดเลย) ไก่ย่างขมิ้นไม้มะดัน (จังหวัดศรีสะเกษ) เนื้อย่างสกลโพนยางคำ (จังหวัดสกลนคร) ยำไข่มดแดง (จังหวัดอำนาจเจริญ) และ แกงเปรอะหน่อไม้สด (จังหวัดหนองบัวลำภู) เป็นต้น

นอกจากนี้ ทางร้านยังมีเมนูซิกเนอเจอร์ที่น่าสนใจอย่าง ส้มตำนัตตี้อโวคาโด ขลุกขลิกซี่โครงอ่อนทอด ต้มแซ่บหมูเด้ง ขนมจีบลาบ และ คาเฟ่ชิลลี่อีสานแอพ รวมทั้งเมนูของหวานแบบไทย ๆ เครื่องดื่มน้ำผลไม้และน้ำสมุนไพรอีกหลากหลายให้เลือกสั่งอีกด้วย และนี่คือเมนูเด็ดที่ดาโกะได้ลิ้มลองและบอกเลยว่าแซ่บนัวสุด ๆ!


ของดีอีสาน


สัมผัสประสบการณ์แซ่บนัว อีสาน โซล ฟู้ด เสน่ห์แห่งอาหารอีสานประจำถิ่น ณ Cafe Chilli

เมนูแรกที่เด็ดจนวางช้อนไม่ลงก็คือ ซุปหน่อไม้ร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด (ราคา 220 บาท) เมนูนี้ใช้หน่อไม้ป่าที่จะแตกหน่อในช่วงฤดูฝน ผ่าปอกเปลือกออก แล้วขูดเอาส่วนที่อ่อนที่สุดมาต้มกับน้ำใบย่านาง ปรุงรสเครื่องลาบ หอมงาคั่ว นัวด้วยปลาร้า เป็นเมนูที่ห้ามพลาด ส่วนใครที่ปกติไม่ค่อยกินเมนูนี้ บอกเลยว่าถ้าได้ลองซุปหน่อไม้ที่นี่แล้วจะติดใจ

มาร้านอาหารอีสานจะขาดเมนูส้มตำได้อย่างไร! ส้มตำโคราชหมูยอ จังหวัดนครราชสีมา (ราคา 220 บาท) ส้มตำลูกครึ่ง ตำไทยใส่ปลาร้าที่พอกินแล้วก็รู้ได้เลยว่าน้ำปลาร้านั้นคัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน ทางเชฟได้นำมาต้มสุกแล้วเคี่ยวกับน้ำมะขามตามสูตรลับเฉพาะของร้าน ใส่สมุนไพรไทยหลากหลายชนิดจึงช่วยชูรสและดับกลิ่นคาวได้เป็นอย่างดี กินคู่กับเส้นมะละกอกรอบ ๆ และหมูยออร่อย ๆ คือฟินสุด!

ส่วนใครที่ชอบกินเนื้อไก่ก็ต้องเมนู ไก่นึ่งเชียงคาน จังหวัดเลย (ราคา 220 บาท) อาหารพื้นบ้านจานเด็ดของเมืองเลยที่ใช้ไก่บ้านเนื้อน่องติดสะโพก หมักกับเครื่องสมุนไพรสูตรเด็ดของทางร้านแบบข้ามวันข้ามคืน แล้วนำมานึ่งพร้อมกับผักพื้นบ้านและเครื่องสมุนไพรนานาชนิดจนเนื้อไก่นุ่มชุ่มฉ่ำ หอมกลิ่นสมุนไพร ได้รสชาติเครื่องหมักที่ซึมเข้าเนื้อ อร่อยแบบลูกอีสานขนานแท้ เสิร์ฟมาร้อน ๆ กินคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดพริกตำกระเทียมก็แซ่บอย่าบอกใคร

อีกหนึ่งเมนูของดีอีสานรสเด็ด ปลาส้มนครพนมทอด จังหวัดนครพนม (ราคา 250 บาท) อาหารขึ้นชื่อเมืองนครพนมที่รสเปรี้ยวของปลาส้มมาจากการหมักปลาตะเพียนด้วยเกลือ ข้าวเหนียวนึ่งกระเทียมแบบโบราณ ไม่มีสารเร่งเปรี้ยว ปลาเนื้อแน่น เอามาทอดร้อน ๆ หอมฉุย รสชาติปลาส้มที่เปรี้ยวกำลังดี แนมด้วยพริกและหอมแดงซอย บีบมะนาวอีกเล็กน้อย อร่อยนัวมาก ๆ


Cafe Chilli กับเมนูซิกเนเจอร์เด็ด ๆ


สัมผัสประสบการณ์แซ่บนัว อีสาน โซล ฟู้ด เสน่ห์แห่งอาหารอีสานประจำถิ่น ณ Cafe Chilli

นอกจากส้มตำโคราชหมูยอแล้วอีกหนึ่งตำที่ต้องลองคือ ส้มตำไทย-ข้าวเหนียวทอด (ราคา 170 บาท) จัดเต็มเครื่องส้มตำทั้งมะละกอสดกรอบตำกับกุ้งแห้งตัวโต ถั่วสิสงคั่วหอม ๆ กินคู่กับข้าวเหนียวทอดที่นำแป้งมาห่อข้าวเหนียวดำที่ทอดจนได้สีเหลืองทอง กรอบนอก นุ่มหนึบ ยิ่งกิน ยิ่งเพลิน

ส่วนสายซีฟู้ดห้ามพลาด ปลาหมึกย่างน้ำตก (ราคา 490 บาท) ที่ปลาหมึกเนื้อแน่นหวานมาก ๆ และมีกลิ่นหอมอ่อน ๆ จากถ่านด้วย กินคู่กับน้ำจิ้มแจ่วสูตรเด็ดของทางร้านยิ่งอร่อย เป็นการผสมผสานที่ลงตัวสุด ๆ และอย่าลืมเมนูต้มที่ซดแล้วคล่องคอ แซ่บนัวอีกหนึ่งเมนูอย่าง ต้มแซ่บเกี๊ยวกระดูกอ่อน (ราคา 280 บาท) ซี่โครงหมูกระดูกอ่อนไปตุ๋นจนเนื้อหมูนุ่มนำมาสับให้ละเอียด จากนั้นห่อด้วยแผ่นเกี๊ยวและใช้ต้นหอมผูกไว้เป็นเหมือนถุงทอง ก่อนนำมาต้มกับต้มแซ่บรสจัดจ้าน ซดแล้วซดอีกไม่มีเบื่อ

นอกจากนี้ยังมีเมนูเรียกน้ำย่อยอย่าง คาเฟ่ชิลลี่ อีสานแอพ (ราคา 450 บาท) ซึ่งเป็นอีกเมนูซิกเนเจอร์ที่น่าสั่งมากินด้วยกันกับชาวแก๊ง โดยเมนูนี้รวมมิตรของกินเล่นอีสานคลาสสิคที่เป็นของโปรดของทุกคนเอาไว้ ทั้งไก่ทอดชิลลี่ ไส้กรอกอีสาน หมูยอ หมูทอด และแหนมเสียบไม้ มาพร้อมผักสดกรอบอีกหนึ่งถาด อร่อยครบจบในชุด

และเช่นเดิม กินคาว ไม่กินหวาน… ไม่ใช่ดาโกะ เราจึงขอปิดท้ายความอร่อยที่ คาเฟ่ ชิลลี่ ด้วย ไอศกรีมกะทิสดม้านิลมังกร (ราคา 250 บาท) ไอศกรีมกะทิสดเสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียง 7 อย่าง ได้แก่ ข้าวเหนียวมูน ถั่วลิสง วุ้นมะพร้าว เส้นซ่าหริ่ม 3 สี เฉาก๊วย ลูกชิด และลอดช่อง กะทิหอมหวานกำลังดีกินกับเครื่องเคียงสุดโปรดได้แบบเต็มอิ่ม ถือเป็นการปิดท้ายความแซ่บนัวและเพิ่มความสดชื่นให้ร่างกายได้ดีมาก ๆ

ใครที่อยากจะแซ่บนัวและสัมผัสประสบการณ์ อีสาน โซล ฟู้ด ผ่านอาหารอีสานประจำถิ่นและเมนูซิกเนเจอร์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของร้าน คาเฟ่ ชิลลี่ ก็ชวนเพื่อนแล้วนัดไปแบ่งปันความแซ่บแบบนี้กันได้ที่คาเฟ่ ชิลลี่ทั้ง 3 สาขา (เอ็มควอเทียร์, ไอคอนสยาม และ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์)

ที่ตั้ง: ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (ชั้น LG)
เวลาเปิด-ปิด: 10.00 – 21.30 น. (ทุกวัน)
โทรศัพท์: 06-5512-9754
ติดตามข้อมูลข่าวสาร: คลิก


อ่าน “ENISHI Ramen ราเมงเจ้าดังจากโกเบ ดีกรีรางวัล MICHELIN Bib Gourmand Award กับสาขาแรกในประเทศไทยคลิก

views