ภูเก็ตที่มากกว่าทะเล ณ CHALONG BAY Distillery
เมื่อวานเราใช้เวลาสนุกสนานกันที่ “โรงกลั่นฉลองเบย์” ไปทั้งวันแล้ว วันนี้เราเลยเลือกที่จะออกไปสัมผัสป่าเขาและทะเลกันบ้าง! (ติดตามอ่าน “ภูเก็ตที่มากกว่าทะเล ณ CHALONG BAY Distillery ตอนที่ 1” คลิกทีนี่)
วันที่สอง กับการห้อยโหนโจนทะยาน
ก่อนที่จะไปสัมผัสหาดทรายและสายลมในช่วงบ่าย เราประเดิมวันที่สองด้วยการไปทำกิจกรรมท้าทายสภาพจิตใจและร่างกายกันที่ Hanuman World สถานที่ท่องเที่ยวแนวผจญภัยในจังหวัดภูเก็ตที่จะทำให้คุณได้สัมผัสธรรมชาติที่งดงามและอากาศบริสุทธิ์ ผ่านกิจกรรมที่ท้าทาย ตื่นเต้น เร้าใจ หนุมานเวิลด์ ด้วยกิจกรรมการผจญภัยหลากหลายรูปแบบ เช่น การโหนสลิง การโรยตัว การเดินข้ามสะพานแขวน เป็นต้น
เนื่องจากเวลาที่มีไม่มากนัก เราจึงจัดไป 3 กิจกรรม คือการเดินชมธรรมชาติจากมุมสูง ณ จุด Sky Walk ที่ทำเอาคนกลัวความสูงอย่างเราต้องทำใจอยู่เกือบนาทีก่อนจะเริ่มก้าวขาเดิน ซึ่งเมื่อเดินผ่านจุดนี้ไป จะพบกับจุดผลไม้และเครื่องดื่มที่มีน้ำผลไม้คั้นสดๆ นานาชนิดวางเรียงรายให้เราได้ลองชิมลองดื่ม
ต่อด้วยกิจกรรมโรยตัวแนวดิ่งระยะ 25 เมตร ซึ่งเมื่อเราตัดสินใจเดินมาถึงจุดนี้แล้ว การเดินถอยหลังกลับไปก็ดูจะเป็นทางเลือกที่ต้องตัดทิ้งไป ทำใจและโวยวายกับเจ้าหน้าที่อยู่นานมาก มองพื้นข้างล่างแล้วก็ถอยหลังกลับอยู่หลายรอบ จนหันไปเจอเด็กผู้หญิงวัย 8-9 ขวบยืนตาแป๋วต่อแถวรอโรยตัวอยู่ “ฉันจะอายเด็กไม่ได้ค่ะ! โรยตัวให้เด็กมันดูซักตั้ง!” ณ จุดนั้นถึงได้ยอมก้าวขาออกจากแท่น แล้วยอมโรยตัวมองฟ้า มองป่าลงไปด้านล่างแต่โดยดี (เพราะความอายล้วนๆ ฮ่าฮ่าฮ่า)
ปิดท้ายด้วยการบิน!! (ไม่ต้องเป็นพี่ตูน ก็บินได้ค่ะ) Roller Zipline เป็นกิจกรรมห้อยตัว รางล้อหมุน มีความยาวเกือบหนึ่งกิโลเมตร และมีความสูงหลายสิบเมตร เรียกได้ว่าทั้งท้าทาย ทั้งลุ้น ที่ได้เหาะเหินท่ามกลางธรรมชาติเขียวขจี และได้ร้องตะโกนสุดเสียงออกมาในเวลาเดียวกัน รู้สึก Feel Good สุดๆ
ส่วนเรื่องความปลอดภัยนั้นไม่ต้องห่วง เพราะที่นี่ ความปลอดภัยมาเป็นอันดับแรก Hanuman World มีอุปกรณ์เสริมความปลอดภัยที่มีมาตรฐาน และมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลเป็นอย่างดีทุกจุด
Hanuman World
เปิด-ปิด: 08.00 – 17.00 น. (ทุกวัน) / โทร. 062-979-5533 / Website / Facebook
ปลดปล่อยจิตใจไปกับธรรมชาติเรียบร้อย ก็ได้เวลาพักเที่ยง และกินมื้อเที่ยงที่ Three Monkeys Restaurant ร้านอาหารที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าของ Hanuman World
ร้านอาหารบนต้นไม้แสนร่มรื่น ออกแบบตัวร้านด้วยวัสดุธรรมชาติอย่างไม้ไผ่ สไตล์ป่าแบบเขตร้อน มีระเบียงให้นั่งรับลมเย็นๆ ชมวิวต้นไม้น้อยใหญ่ เมนูอาหารนั้นมีทั้งอาหารพื้นบ้าน อาหารยุโรป และอาหารสไตล์ญี่ปุ่น รวมทั้งยังมีเมนูเครื่องดื่มอีกมากมายทั้งชา กาแฟ สมูทตี้ ค็อกเทล
ดาโกะขอแนะนำเมนู “หนุมานประสานกาย” (320 บาท) ถือเป็นเมนู Signature ที่ต้องลอง! แกงกะทิ ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับ น้ำพริกกุ้งเสียบและชุดผัก เรียกว่าเสิร์ฟมาแบบจัดเต็มมากๆ กินกับข้าวสวยร้อนๆ ก็คื๊อ…สาแก่ใจชาวเรากันสุดๆ
Three Monkeys Restaurant
เปิด-ปิด: 08.00 – 23.00 น. (ทุกวัน) / โทร. 098-010-8838 / Facebook
ลุยป่าแล้ว ต่อไปก็ถึงเวลาลุยน้ำกันบ้าง พวกเราเลือกเดินทางไปยังหาดกล้วย (Banana Beach) ชายหาดส่วนตัวสีขาวสะอาด และน้ำทะเลใสแจ๋ว ที่ตั้งอยู่บนเกาะเฮ เงียบสงบ และใช้เวลาเดินทางเพียง 15 นาทีจากฝั่งภูเก็ต โดยใช้บริการเรือยอชต์ของ Seven Marine เพราะตั้งใจไว้ว่าขากลับจะได้นอนดูพระอาทิตย์ตกแบบสบายๆ ไปพร้อมกับจัดปาร์ตี้บนเรือแบบชิลๆ ด้วย
ตอนที่เรือใกล้เทียบหาด แค่มองจากไกลๆ ก็ตกหลุมรักบรรยากาศแล้ว! และพอก้าวเท้าแตะหาด ก็ต้องร้อง “โหหหหห” ขึ้นมาในทันที เพราะมองไปทางไหนก็เห็นนกเงือกเต็มไปหมด ซึ่งจากที่รู้กันดีว่านกเงือกเป็นสัตว์ป่าที่มีแนวโน้มใกล้สูญพันธุ์ พอมาเห็นนกเงือกละลานตาขนาดนี้ ก็คือ Amazing Thailand แดนมหัศจรรย์กันไปเลย!
นอกจากหาดขาว น้ำใสแล้ว ที่หาดกล้วยแห่งนี้ยังมีกิจกรรมให้เลือกเล่นหลายอย่าง เช่น พายเรือคายัคแบบใส ดำน้ำตื้น (Snorkelling) หรือพาราเซลลิ่ง (Parasailing) เป็นต้น รวมทั้งมีมุมสวยๆ ให้ถ่ายรูปอัพอินสตาแกรมหลายจุดเลยล่ะ (เห็นว่าลิซ่า Blackpink ก็เคยมาเที่ยวและถ่ายรูปอัพอินสตาแกรมด้วย)
Seven Marine
เปิด-ปิด: 08.00 – 21.00 น. (ทุกวัน) / โทร. 091-897-8777 / Website / Facebook
Banana Beach
เปิดให้ท่องเที่ยวทุกวัน / โทร. 081-416-7555 / Website / Facebook
นั่งดื่มด่ำชมพระอาทิตย์บนเรือยอชต์อย่างเต็มอิ่มแล้ว เราจึงปิดท้ายคืนที่สองด้วยมื้อค่ำแบบจัดเต็มที่ “ร้านกันเอง”
ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมานาน ในที่สุดก็ได้มาที่นี่สักที บรรยากาศริมท่าเรืออ่าวฉลองที่สามารถนั่งรับลมทะเลสบายๆ พูดคุยกับเพื่อน และฟังดนตรีสดไปด้วยระหว่างที่กินมื้อค่ำนั้น ถือเป็นค่ำคืนในการปิดทริปภูเก็ต 3 วัน 2 คืนได้เป็นอย่างดี
เมนูที่แนะนำให้ลองคือ กุ้งลายเสือซาชิมิกับอันดามันซีฟู้ดแพลทเตอร์ (ราคา 3,200 บาท) กุ้งลายเสือที่สด หวาน ไม่เหนียว และไม่คาว รวมทั้งอหารทะเลอื่นๆ ที่สดใหม่ ถือเป็นสวรรค์ของคนที่ชอบกินซาชิมิ! และอีกเมนูคือ ห่อหมก (ราคา 95 บาท/เซ็ท 3 ห่อ) ที่ปรุงรสชาติได้ตามแบบฉบับภาคใต้ ทำจากเนื้อปลาอินทรีย์สด คลุกเคล้ากับเครื่องแกง ในน้ำกะทิที่เข้มข้น ทานกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยแบบต้องขอสั่งกลับบ้านด้วยเลย
ส่วนของหวานต้องเป็นไอศกรีมกะทิสดที่เสิร์ฟมาคู่กับทับทิมกรอบในมะพร้าวอ่อนทั้งลูก ไอศกรีมกะทิที่หอม หวาน ยิ่งกินคู่กับเนื้อมะพร้าวอ่อน และทับทิมกรอบ ยิ่งอร่อย! ถึงจะอิ่มจากของคาวแล้ว แต่พอเจอไอศกรีมกะทินี้เข้าไป ก็หยุดกินไม่ได้เลย
ร้านกันเอง
เปิด-ปิด: 07.00 – 23.00 น. (ทุกวัน) / โทร. 076-381-212, 083-173-1187 / Website / Facebook
เดินเล่นเมืองเก่า และมื้อเที่ยงที่ Lady Coco ก่อนกลับ
ใช้พลังในการท่องเที่ยวแบบเต็มเหนี่ยวกันมา 2 วันติด เช้าวันที่ 3 ก่อนเดินทางกลับ เราเลยเลือกที่จะเดินเล่นสบายๆ ย่านเมืองเก่า เดินแวะร้านนู้นนิด ร้านนี้หน่อย ไหว้พระขอพรที่ศาลเจ้าเสร็จ ก็มองหาร้านอาหารที่จะนั่งกินมื้อเที่ยงเพื่อรอเพื่อนอีกกลุ่ม หันไปเจอบานประตูสีเขียวไข่กา หน้าร้าน Lady Coco Phuket เข้าพอดี เลยลองช่วนเพื่อนเดินเข้าไปดู เห็นขนมหวานน่ากินที่วางเรียงอยู่ในตู้กระจกตรงหน้า ก็ตัดสินใจกินมื้อเที่ยงที่นี่ในทันที
ร้านอาหารสไตล์โมเดิร์น เสิร์ฟทั้งอาหารเอเชีย อาหารตะวันตก และขนมหวานสไตล์ฝรั่งเศส นอกจากนั้นยังมีส่วนของบาร์ที่เปิดให้บริการในช่วงเย็นด้วย
วันที่ไปที่ร้าน เรามีโอกาสได้คุยกับเจ้าของร้าน คุณเมย์ ปภาวินท์ ปจันทบุตร เธอจึงเล่าให้เราฟังว่าหลังจากที่ได้สั่งสมประสบการณ์ด้านร้านอาหารมาหลายปี เธอจึงอยากจะนำเสนออาหารพื้นเมืองของภูเก็ตผ่านวัฒนธรรมการดื่มชา แบบชาวจีนกวางตุ้ง ประกอบกับการที่เธอได้รู้จักกับเชฟชาวฝรั่งเศส และเชฟไทยที่มีประสบการณ์การทำอาหารจากเชฟชาวจีนฮ่องกงและมาเลเซีย ที่มาช่วยรังสรรค์เมนูอาหารทั้งคาวและหวาน ทำให้เมนูของร้านมีการผสมผสานกันระหว่างจีนฮ่องกง มาเลเซีย และยุโรปนั่นเอง
เมนูที่ร้านจะถูกเสิร์ฟมาในปริมาณที่ไม่มากไม่น้อย กำลังอยู่ท้อง ส่วนเมนูที่ทำให้เราทั้งโต๊ะประทับใจก็คือเมนู “หมูกรอบ” หมูสามชั้นที่ผ่านการอบและนำไปทอดจนหนังกรอบ แต่เนื้อไม่แข็ง มีความนุ่มละมุน ที่พอจิ้มกับน้ำมันพริกเผาที่เสิร์ฟคู่กันมาแล้ว ทำเอาต้องสั่งเพิ่มอีกหลายจาน!
Lady Coco Phuket
เปิด-ปิด: 07.00 – 23.00 น. (ทุกวัน) / โทร. 087-670-9990 / Facebook
อิ่มท้องแล้ว พร้อม! เย็นวันนั้น เราเดินทางกลับถึงกรุงเทพฯ กันอย่างปลอดภัย รีบพุ่งตัวกลับบ้านเพื่อพักผ่อนต่อในทันที เพราะทริปครั้งนี้ ถือเป็นทริปที่ท่องเที่ยวแบบใช้พลังกันคุ้มกับ 3 วัน 2 คืนเหลือเกิน ไว้เจอกันใหม่นะ ภูเก็ต!
เรื่องและภาพ: ทัศวีร์ เจริญบุรีรัตน์