ทะเล ท้องฟ้า และพระอาทิตย์ตกที่งดงาม “Conrad Koh Samui”
ปลายปีก่อน เราเดินทางมาเที่ยวเกาะที่มีมะพร้าวเป็นพืชเศรษฐกิจอย่าง “เกาะสมุย” แล้วครั้งหนึ่ง แต่เพราะยังรู้สึกไม่เต็มอิ่ม จึงตั้งใจมาเที่ยวที่นี่กันอีกสักครั้ง โดยการพาเพื่อนชาวญี่ปุ่นคือ “ไมซัง” ยูทูบเบอร์ชาวญี่ปุ่น แห่งช่อง “ไมบารุ” (Maibaru) มาเที่ยวด้วยกัน!
และเพราะเป็นคนที่ชื่นชอบการมองท้องฟ้า มองก้อนเมฆ มองพระอาทิตย์ตกมาก ๆ โจทย์ในการเลือกที่พักครั้งนี้จึงเน้นไปที่สถานที่ที่จะทำให้เราได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ในขณะเดียวกันก็สามารถนั่งชมวิวพระอาทิตย์ตกแบบเต็ม ๆ ตาอย่างสบายใจจากห้องพักได้ด้วย ซึ่งสถานที่ที่ตอบโจทย์เรามาก ๆ ก็คือ “โรงแรมคอนราด เกาะสมุย” (Conrad Koh Samui)
เราออกเดินทางช่วงสาย ๆ ของวันศุกร์ด้วยสายการบินบางกอกแอร์เวย์ส (Bangkok Airways) (ตอนนี้เขากลับมาเปิดให้บริการห้องรับรองผู้โดยสาร มุมให้บริการอาหารว่างและเครื่องดื่ม และเสิร์ฟของว่างบนเครื่องตามปกติแล้วนะ) กัปตันทำเวลาดีมาก ๆ ถึงตรงเวลาสุด ๆ เมื่อถึงสนามบินสมุย ก็เดินออกมาขึ้นรถตู้ที่ทางโรงแรมจัดเตรียมไว้ให้ที่จุดนัดพบ และใช้เวลานั่งรถต่อไปยังโรงแรมอีกประมาณ 45 นาที
คอนราด เกาะสมุย ตั้งอยู่บนชายฝั่งของเกาะสมุย ถือได้ว่าเป็นอีกจุดที่ดีที่สุดในการมองเห็นทิวทัศน์ของเกาะสมุยพร้อมกับเกาะเล็ก ๆ ทั้ง 5 เกาะที่อยู่เบื้องหน้า พื้นที่เขียวชอุ่มวางตัวอยู่บนยอดเขา มองลงมาเห็นทะเลสีฟ้าของอ่าวไทย เงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อนมาก!!
เพลิดเพลินกับคาเฟ่น่ารัก ๆ สไตล์สวนผัก
ระหว่างรอเช็คอินเข้าห้องพัก ได้ยินมาว่าที่โรงแรมได้ดัดแปลงห้องพักส่วนหนึ่งเป็นคาเฟ่น่ารัก ๆ ที่มีพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นแปลงปลูกผัก เพาะเห็ด เลี้ยงปลา และเป็ด ชื่อ “Botanikka The Eco Cafe” เราจึงไม่พลาด แวะไปเดินชม ชิมชาหมัก (Kombucha) ที่ทางโรมแรมหมักเอง มีให้เลือกสั่งหลากหลายสูตร และนั่งจิบเครื่องดื่มเย็น ๆ ให้ชื่นใจกันสักหน่อย เมนูที่เราเลือกสั่งก็น่ารักเหมาะกันหน้าตา (ฮ่าฮ่าฮ่า) เป็นเมนู Cloudy Bear ที่ด้านล่างเป็นคาราเมล เสิร์ฟมาพร้อมกาแฟ และชาไทยให้ผสมกัน ท็อปด้วยน้องหมีน่ารัก ๆ ที่ทำจากน้ำตาล ส่วนอีกเมนูคือ Bubble Tea หรือชานมไข่มุกที่หอมหวานกำลังพอดี
นั่งเพลิดเพลินกับบรรยากาศของคาเฟ่สไตล์สวนผักได้สักพัก ก็ได้เวลาเช็คอินเข้าห้องพัก โดยห้องที่เราเลือกพักในครั้งนี้เป็นห้องพักประเภท “Premium Ocean Pool Villa” ห้องขนาดกว้างขวางกว่า 130 ตารางเมตร พร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัวที่มองเห็นวิวทะเลแบบเต็ม ๆ ตา ถ่ายรูปออกมาแล้วเหมือนสระว่ายน้ำขนานไปกับพื้นน้ำทะเลเลยล่ะ! ส่วนเรื่องอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในห้องก็ครบครัน ทั้งเครื่องชงกาแฟเอสเพรสโซส่วนตัว หรือจะอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่พิเศษที่จะตีฟองนอนแช่ เปิดม่านดูวิวเพลิน ๆ ก็เก๋ไปอีกแบบ
โรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม!
นั่งตากแอร์เย็น ๆ ไป ดูวิวน้ำทะเลที่สะท้อนกับแสงอาทิตย์ยามบ่ายไป ก่อนจะเผลอหลับไปซะก่อน เราจึงชวนกันไปเดินเล่นที่ฟาร์มปลูกผักของทางโรงแรมซึ่งเราแอบเห็นระหว่างที่นั่งรถขึ้นมาเช็คอิน “Iris Farm” คือโปรเจกต์ที่โรงแรมตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อนำวัตถุดิบที่ได้จากฟาร์ม เช่น ผักและผลไม้มาใช้ในการปรุงอาหารบางส่วนที่ห้องอาหารของทางโรงแรม เรียกได้ว่าวัตถุดิบสดใหม่ส่งตรงจากฟาร์มเลยทีเดียว ที่นี่ยังเลี้ยงสัตว์นานาชนิด คือ หมู แพะ ห่าน ไก่ไข่ และไก่ซิลกี้ ส่วนเศษอาหารที่เหลือจากห้องอาหารก็นำกลับมาหมักทำเป็นปุ๋ยที่ใช้ในฟาร์ม หรือเป็นอาหารสัตว์ ถือเป็นโรงแรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Hotel) สุด ๆ!
เดินดูผัก เด็ดผักโขมมาชิม อุ้มฟักทองลูกโตทดสอบความแข็งแกร่ง เล่นกับหมู แพะ ไก่จนพอใจ เราก็นั่งรถบักกี้กลับห้องพักเพื่อไปเตรียมท้องรอกินหมูกระทะริมสระที่เราจองไว้เป็นมื้อเย็นในวันนี้!
สายหมูกระทะอย่างเรา มีโอกาสได้มาพักผ่อน ณ โรงแรมบรรยากาศดี ๆ แบบนี้ที่มีเสิร์ฟหมูกระทะถึงห้องพักด้วย สวรรค์ชัด ๆ ราคาหมูกระทะอยู่ที่ชุดละ 2,890++ บาท/ 2 คน ราคาอาจทำให้ตกใจ แต่วัตถุดิบก็คือคุ้มราคาแน่นอน! ทั้งกุ้งตัวโต ๆ ล็อบสเตอร์ หอยเชลล์ ฯลฯ กับวิวพระอาทิตย์ตกหลักล้านแล้ว คุ้ม!!!
ช่อม่วงเหมาะมีรส หอมปรากฏกลโกสุม
ตื่นเช้ารับวันใหม่ นอนเต็มอิ่มมาก ๆ เตียงคือดูดวิญญาณสุด ๆ เลยได้กินมื้อเช้าตอน 10 โมง (ฮ่าฮ่าฮ่า) และเพื่อเป็นการใช้ห้อง ใช้สระว่ายน้ำให้คุ้มค่า เช้านี้เราจึงเลือกกินมื้อเช้าแบบ Floating Breakfast (ราคา 2,500++ บาท/ชุด) อย่าคิดว่าน้อยนะแม่! อิ่มจุก ๆ ! จัดเต็มทั้งของคาว ของหวาน ผลไม้ ขนมไทย ขนมฝรั่ง เครื่องดื่ม ชา กาแฟ น้ำผลไม้ ฯลฯ มีหม๊ดดดด กินไป มองวิวทะเลยามเช้า และท้องฟ้าที่ปลอดโปร่งไร้เมฆฝนไป เป็นเช้าที่อยากให้มีทุก ๆ วันเลยจริง ๆ
กินมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อย เราตั้งใจจะนั่งเรือออกไปเที่ยวเกาะมัดสุมในช่วงบ่าย แต่เวลายังมีเหลือเลยชวนไมซังไปเรียนทำอาหารไทยกับเชฟที่ห้องอาหาร Zest กันก่อน เมนูที่เราเรียนวันนี้เหมาะกับกุลสตรีศรีสยามมาก ๆ นั่นก็คือ “ช่อม่วง” เป็นอาหารว่างที่ผู้ทำต้องมีฝีมือประณีตงดงาม เพราะต้องจับจีบแป้งให้เป็นทรงดอกไม้ เป็นขนมที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทยตำรับชาววังขนานแท้ สอดไส้ด้วยหมู ไก่ หรือกุ้ง ที่นำไปผัดกับสามเกลออย่างรากผักชี กระเทียม พริกไทย เหมาะกับกุลสตรีอย่างเราโดยแท้! เราจึงให้ไมซังเป็นคนเริ่มเรียนทำไส้ก่อนเลย (ฮ่าฮ่าฮ่า) แล้วค่อยเข้าไปป่วนอีกทีตอนจับจีบแป้งให้เป็นดอกไม้
เห็นงก ๆ เงิ่น ๆ กันแบบนี้ แต่สุดท้ายทำเสร็จออกมาก็สวยอยู่นา แถมอร่อยด้วย!
แวะป้อนอาหารเหล่าน้องหมูที่เกาะมัดสุม และดำน้ำดูปลา-ปะการังที่เกาะแตน
กินช่อม่วงฝีมือตัวเองจนอิ่มกันแล้ว ก็ได้เวลานั่งเรือออกเกาะไปทักทายเหล่าน้องหมูที่เกาะมัดสุมกัน! เราจองทริปนั่งเรือของทางโรงแรมไว้ในช่วงบ่าย ซึ่งจุดหมายปลายทางแรกก็คือเกาะมัดสุม หรือนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเรียกกันว่า Pig Island เพราะบนเกาะมีเหล่าเจ้าหมูตัวอ้วนพลุ้ยนอนรอทักทายอยู่นั่นเอง
นอกจากวิวทะเลสวย ๆ แล้ว การได้ลองป้อนอาหารและถ่ายรูปกับเหล่าน้องหมูก็เป็นอีกกิจกรรมยอดนิยมของที่นี่เลยล่ะ กลับมารอบนี้จำนวนน้องเยอะขึ้นพอตัว แถมเชื่องมากกว่าเดิมซะอีก เล่นกับหมูจนพอใจ ถ่ายรูปวิวทะเลจนเต็มอิ่ม เราก็นั่งเรือต่อไปยังเกาะแตนเพื่อดำน้ำดูปลาและปะการังกันต่อ ก่อนจะกลับมาพักผ่อนที่ห้อง
อาบน้ำ เปลี่ยนชุด พักผ่อนนิดหน่อย แล้วก็ลงมาเดินเล่นชายหาดเพื่อรอดูพระอาทิตย์ตก เราเดินเลียบชายหาดไปเรื่อย ๆ และไปหยุดอยู่บริเวณสะพานไม้ที่ทอดยาวออกไปในทะเล จุดนี้คือสวยมากกกกก ดีมากกกก เป็นอีกมุมที่แนะนำสำหรับนั่งดูพระอาทิตย์ตกเลยล่ะ! โรแมนติกสุด ๆ โรแมนติกแบบไม่ต้องมีคู่ก็โรแมนติกได้!
นั่งปล่อยใจไปกับลมทะเลเย็น ๆ และแสงยามอาทิตย์อัสดงอยู่เนิ่นนานจนดวงอาทิตย์กลมโตลับขอบฟ้า ท้องก็ร้องขึ้นมาเป็นสัญญาณว่าได้เวลามื้อค่ำแล้ว เราจึงไม่รีรอ เรียกรถบักกี้เพื่อกลับไปยังห้องอาหาร Zest และรีบสั่งมื้อค่ำในทันที
มื้อนี้อยากกินอะไรแซ่บ ๆ ก็เลยเลือกสั่งอาหารไทยมากินกัน รสชาติไม่ผิดหวัง ได้รสชาติแซ่บ ๆ แบบไทยแท้ดีมาก ๆ แถมราคาไม่แพงอีกด้วย ทั้งยำส้มโอที่เครื่องจัดเต็ม (ราคา 350++ บาท) ต้มยำกุ้ง ที่เสิร์ฟกุ้งตัวโต ๆ เนื้อแน่น ๆ (ราคา 335++ บาท) และซีฟู้ดผัดน้ำพริกเผาที่รสชาติเข้มข้น เผ็ดนิด หวานหน่อย กำลังดี (ราคา 635++ บาท) เป็นการปิดท้ายค่ำคืนก่อนเดินทางกลับได้เป็นอย่างดี
สลายเซลลูไลท์ด้วยคลาสมวยไทย ก่อนไปผ่อนคลายด้วยทรีทเม้นท์ที่สปา
เช้าวันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับ เราเปลี่ยนบรรยากาศมากินมื้อเช้ากันที่ห้องอาหารบ้าง อาหารเช้าของที่นี่เป็นแบบบุฟเฟ่ต์ เสิร์ฟตั้งแต่ 07.00 – 10.30 น. ที่ห้องอาหาร Zest มีเมนูให้เลือกหลากหลายทั้งอาหารไทย อาหารตะวันตก และอาหารเอเชียน หลังจากอาหารย่อยเรียบร้อย เราจึงชวนไมซังไปออกกำลังกายสลายเซลลูไลท์กันสักหน่อยกับคลาสมวยไทยริมหาด ลมเย็น ๆ วิวทะเลสวย ๆ ทำให้เรียนต่อยมวยได้อย่างสนุกสนาน ไม่รู้สึกเหนื่อย รู้ตัวอีกทีก็ครบชั่วโมงแล้ว
ต่อยมวยเสร็จ ก่อนกลับไปพักผ่อนที่ห้อง เราจึงแวะเล่นน้ำให้ร่างกายได้สัมผัสน้ำทะเลกันอีกสักหน่อย ทั้งพาย SUP พายคายัค เพลินจนลืมตัวว่าวันนี้ต้องเช็คเอาท์แล้ว (ฮ่าฮ่าฮ่า)
ใช้พลังงานกันไปเยอะ สายกินอย่างเราเลยต้องเติมพลังใหม่กันอีกรอบด้วยมื้อเที่ยงแสนอร่อยที่ห้องอาหาร Azure Bar & Grill ที่อยู่ริมชายหาด เป็นเมนูกินง่ายแต่อิ่มท้อง อย่างสลัดเต้าหู้ (ราคา 580++ บาท) Lobster Pot ที่เนื้อกุ้งล็อบสเตอร์จัดเต็มสมราคา เด้ง นุ่ม หนึบมาก ๆ (ราคา 1,050++ บาท) และที่เด็ดสุดก็คือเมนู Stromboli พิซซ่าม้วนสอดไส้แฮมและชีสเยิ้ม ๆ ที่หั่นชิ้นมาให้หยิบกินง่าย ๆ ฟิน ๆ (ราคา 610++ บาท)
กินอิ่มแล้ว สบายพุงแล้ว ก็ขอสบายตัวด้วย เราจึงไปนวดต่ออีกชั่วโมงที่ Conrad Koh Samui Spa และเลือกเป็นคอร์ส Oil Massage (1 ชั่วโมง) พนักงานนวดดีมาก ๆ นวดแรงกำลังดีอย่างที่ใจต้องการ นวดเพลินจนเผลอหลับ น้ำลายแทบไหลกันเลยทีเดียว เป็นการปิดท้ายทริป 3 วัน 2 คืนที่สมุยรอบนี้ได้อย่างเลิศ!!
เอาจริง ๆ เป็น 3 วัน 2 คืนที่รู้สึกไม่พอ! ที่พักดี ๆ วิวสวย ๆ พนักงานน่ารัก บริการทุกระดับประทับใจแบบนี้ควรค่าแก่การอยู่ยาว ๆ จนไม่อยากกลับกรุงเทพฯ เลยล่ะ (ถึงกับแอบกระซิบถามพนักงานที่โรงแรมมีรับสมัครตำแหน่งอะไรอยู่บ้างมั้ยคะกันเลยล่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า)
Conrad Koh Samui
ราคาเริ่มต้น 10,900 บาท (สำหรับห้องพักประเภท 1-Bedroom Tropical Island Pool)
โทรศัพท์ : 077-915-888
อีเมล์ : usmks.reservations@conradhotels.com
เว็บไซต์ : www.conradkohsamui.com
สายการบินบางกอกแอร์เวย์ส (Bangkok Airways)
บินตรงลงสมุย เพียงไม่ถึงชั่วโมง
จองตั๋ว : www.bangkokair.com
Call Center 1771
เรื่องลแะภาพ: ทัศวีร์ เจริญบุรีรัตน์
