
บันทึกการเรียนภาษาญี่ปุ่น: Hajimemasu! เริ่มเรียนและทำการปรับตัว
มาแล้ว! บันทึกเรื่องราวการเรียนและพัฒนาทักษะภาษาญี่ปุ่นตอนที่ 2 ของหนึ่งในทีมงานดาโกะที่อยากจะชวนทุกคนมาพัฒนาภาษาญี่ปุ่นไปพร้อม ๆ กัน ผ่านการเรียนภาษาญี่ปุ่นในรูปแบบออนไลน์กับทาง NOVA Online สำหรับครั้งนี้จะมาเล่าถึงประสบการณ์ในการเริ่มเรียน 2 คาบแรกกับเซนเซ 2 คน จะเป็นอย่างไรบ้าง Hajimemasu! (มาเริ่มกันเลย!)
Hajimemasu! พร้อมเรียนที่ไม่พร้อมเรียน
หลังจากที่ได้รับการประเมินเรียบร้อยว่าเราได้ระดับ C ของหลักสูตรสนทนาภาษาญี่ปุ่นระดับต้น ทาง NOVA จะส่งไฟล์เอกสารประกอบการเรียนมาให้เราทางอีเมลที่ลงทะเบียนไว้ หลังจากนั้น เราก็ทำการจองวัน-เวลาเรียน ซึ่งเซนเซที่ NOVA นั้นหลัก ๆ จะมีด้วยกัน 2 คน คือ ฮารุกะเซนเซ และ ยูโกะเซนเซ ทั้งคู่มีประวัติการศึกษาด้านการสอนภาษาญี่ปุ่นหรือด้านที่เกี่ยวข้องขณะศึกษาในระดับปริญญาตรีหรือปริญญาโท, มีผลสอบผ่านการสอบวัดระดับการสอนภาษาญี่ปุ่น และผ่านการสอบอบรมครูสอนภาษาญี่ปุ่นที่ดำเนินการโดย Agency for Cultural Affairs (文化庁) ที่จะต้องเข้ารับการอบรมไม่ต่ำกว่า 420 ชั่วโมงมาแล้ว
เราจองวันและเวลาเรียนไว้ก่อน 2 ครั้ง โดยตั้งใจจะลองเรียนกับเซนเซทั้ง 2 คน เพื่อที่จะได้ดูว่าเราชอบสไตล์การสอนของเซนเซคนไหน (ขั้นตอนการจองวันและเวลา: คลิก) และด้วยความตื่นเต้น (ห่างหายจากการเรียนไปเนิ่นนาน) เราจึงตั้งใจเตรียมความพร้อมก่อนเรียนเล็กน้อย โดยการอ่านบทเรียนแรกเพื่อทำความเข้าใจคำศัพท์ไว้ล่วงหน้า แต่! อ๊องไง!! ได้เอกสารการเรียนมาก็เริ่มอ่านมันที่บทแรก (C01) ไปเลย โดยที่ลืมไปว่าทางโรงเรียนเขามีตารางหลักสูตรบทเรียนให้ว่าจะต้องเรียนบทไหนบ้าง เริ่มต้นการเรียนวันแรกกับฮารุกะเซนเซเลยสตั๊นไป 3 วินาทีตอนที่เซนเซบอกว่า “วันนี้เราจะเรียนบทที่ C12 นะคะ”… จากตอนแรกที่รู้สึกพร้อมมากกลับพลิกผันสู่ความรู้สึกไม่พร้อมเรียนในทันใด พลิกหน้าใหม่แทบไม่ทัน! (ฮ่าฮ่าฮ่า)
ตัวอย่างบทเรียนของหลักสูตรสนทนาภาษาญี่ปุ่นระดับต้น
(ดูรายละเอียดทั้งหมด: คลิก)
ด้วยความที่เราทำการวัดระดับกับฮารุกะเซนเซมาแล้วก่อนหน้านี้ บรรยากาศการเรียนในวันแรกจึงเป็นไปอย่างสนุกสนาน ไม่รู้สึกกดดันใด ๆ และเป็นบทเรียนที่ไม่ยากมากเพราะเป็นเรื่องของการอธิบายสิ่งของที่เรามี (持ち物について説明する) คำศัพท์บางส่วนจึงเป็นคำศัพท์ที่เรารู้อยู่แล้ว อย่างเรื่องสิ่งของและสีสัน ส่วนเรื่องลวดลายนั้น ตอนที่เซนเซลองถามคำศัพท์เราดู แน่นอนว่าเราไม่ได้เตรียมตัวมาก็เลยใช้วิธีเดิมกับตอนที่แล้ว นั่นก็คือการทับศัพท์ภาษาอังกฤษด้วยการใส่สำเนียงญี่ปุ่น (ใช้วิธีเอาตัวรอดนี้ตลอดไป~) มีบางคำที่วิธีนี้ใช้ได้ผล แต่ก็มีบางคำที่ไม่ได้ผลเช่นกัน เพราะฉะนั้นการเก็บสะสมคลังศัพท์ให้ได้เยอะ ๆ จึงเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการสนทนามาก ๆ
สิ่งหนึ่งที่เราชอบเอกสารการเรียนของที่นี่คือในชีทจะแบ่งเป็น 1 บทต่อ 1 หน้า เท่ากับว่าครั้งหนึ่ง เราจะเรียนครั้งละหน้าเท่านั้น ทำให้รู้สึกไม่กดดันว่าต้องเรียนคำศัพท์หรือประโยคอะไรมากจนเกินไป และในเอกสารจะมีภาษาญี่ปุ่นกับคำอ่านโรมาจิเท่านั้น ไม่มีคำแปลให้ เพราะฉะนั้นจึงถือเป็นการฝึกที่ดี ให้เราได้พยายามทำความเข้าใจก่อนแล้วจึงจดบันทึกความหมายหรือคำแปลลงไป (ถ้ามาพร้อมคำแปล บางคนก็จะไม่ค่อยจด ถูกไหม? แต่จริง ๆ แล้ว การเขียนการจดจะช่วยให้เกิดประสิทธิภาพในการจำมากขึ้นนะ)
ตัวอย่างเอกสารการเรียน
หลังจากเรียนคำศัพท์และประโยคเบื้องต้นแล้ว ก็จะเป็นช่วงที่ฝึกอธิบายภาพ อย่างในรูปนี้ก็จะเป็นการฝึกอธิบายว่าแหวนสีอะไร ทำจากวัสดุอะไร กระเป๋าสตางค์สีอะไร ทำจากวัสดุอะไร มีลวดลายอย่างไร เป็นต้น
ฝึกพูด ฝึกอธิบายจนคล่องแล้ว ก็จะเข้าสู่ช่วงฝึกฟัง โดยเซนเซจะถามคำถามเราก่อน แล้วให้เราลองฟังบทสนทนาเพื่อตอบคำถาม ซึ่งถ้าฟังไม่ทัน เซนเซก็จะเปิดให้ฟังอีกครั้ง เพราะฉะนั้นไม่ต้องเกรงใจหรือกังวลไป ฟังไม่ทันก็บอกเซนเซว่าฟังไม่ทัน สำหรับตัวเราแล้ว เราสามารถฟังจับใจความและได้คำตอบตั้งแต่รอบแรก (นี่!! ขี้โม้จัง!) แต่เพราะยังมีบางส่วนที่เราฟังไม่เข้าใจ ก็เลยขอให้เซนเซเปิดให้ฟังอีกครั้ง หลังจากนั้นเซนเซก็จะอธิบายเพิ่มเติม ก่อนจะเปิดให้เราซักถามเรื่องที่ไม่เข้าใจ ก็ถือเป็นอันจบการเรียนครั้งแรก
การเรียนครั้งที่ 2 และการปรับตัว
สำหรับครั้งที่ 2 เราเลือกเรียนกับยูโกะเซนเซซึ่งเรายังไม่เคยสนทนาหรือเรียนด้วยมาก่อน ความรู้สึกตอนแรกเลยค่อนข้างประหม่า เซนเซเริ่มต้นด้วยการทักทายและแนะนำตัว ทำความรู้จักกันได้เล็กน้อย เซนเซก็ถามเราเรื่องความเร็วในการพูดว่าเราฟังทันไหม แต่เพราะเซนเซพูดระดับปกติ ไม่เร็วไป ไม่ช้าไป และพูดชัดมาก ๆ จึงไม่เป็นปัญหาสำหรับเรา และก่อนจะเริ่มต้นเรียนบทเรียนในวันนี้ เซนเซก็รีเช็คกับเราก่อนด้วยว่าอ่านฮิรางานะและคาตากานะได้ใช่ไหม บทเรียนในวันนี้จึงเริ่มมีการใช้ฮิรางานะและคาตากานะในการสอนแทนการใช้โรมาจิด้วย
การเรียนเริ่มต้นด้วยการเรียนคำศัพท์และประโยคเบื้องต้นเหมือนเช่นเคย แต่เพิ่มเติมคือยูโกะเซนเซจะให้เราฝึกอ่านและออกเสียงตามด้วย ซึ่งการเรียนครั้งนี้เป็นการเรียนเกี่ยวกับการขออนุญาต (許可を求める) มีคำศัพท์หลายคำที่เราไม่รู้มาก่อน เซนเซเลยใช้เวลาสักพักในการอธิบายพร้อมกับยกตัวอย่างให้เราเข้าใจได้มากขึ้น ก่อนจะฝึกสนทนาในสถานการณ์จำลอง และเข้าสู่การฟังที่…
ยากมากแม่!! ด้วยความที่ไม่ค่อยรู้คำศัพท์ในบทนี้ ถึงแม้จะจับใจความและรู้คำตอบที่ถูกต้องได้ แต่ก็รู้สึกว่าฟังแทบไม่รู้เรื่องเลย อยู่ดี ๆ ก็เลยรู้สึกกดดันขึ้นมา ฟังไป 2 รอบแล้วก็ยังทำหน้าเบลอใส่เซนเซ เซนเซก็เลยถามว่ามีจุดไหนไม่เข้าใจหรือมีคำถามเพิ่มไหม เราเลยจะขอให้เซนเซช่วยพิมพ์บทสนทนาตั้งแต่เริ่มให้หน่อยว่าเขาพูดอะไรกันบ้าง แต่ แต่ แต่ เราที่มีพื้นฐานระดับต้นจะบอกเซนเซว่าอย่างไรดีล่ะ? ในใจคืออยากพูดภาษาอังกฤษรัว ๆ แล้ว แต่ต้องอดกลั้นไว้เพราะตอนนี้กำลังเรียนภาษาญี่ปุ่นอยู่เลยต้องปรับตัวให้ได้!
หลังจากใช้ความพยายามสื่อสารกับเซนเซอยู่หลายนาทีโดยการเค้นออกมาทีละคำ ทั้ง 彼女 (かのじょ), 話し (はなし), 先負(せんぶแล้วประกอบร่างสร้างเป็นประโยคสั้น ๆ ได้ เซนเซก็ถึงบางอ้อในสิ่งที่เราต้องการ (เย่! น้ำตาแทบไหล) หลังจากนั้นเซนเซก็พิมพ์บทสนทนาให้เราได้อ่านพร้อมอธิบายเพิ่มเติมอย่างใจเย็น จบการเรียนวันนี้ได้อย่างเข้าใจและสบายใจ (แต่เซนเซอาจจะปาดเหงื่อก็เป็นได้ที่ต้องมาเจอนักเรียนแบบเรา ฮ่าฮ่าฮ่า)
ใครที่สนใจอยากเรียนภาษาญี่ปุ่นเพื่อพัฒนาทักษะการสนทนาดูบ้าง สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมหรือทดลองเรียนฟรี 25 นาทีได้ทาง NOVA Online
https://novaonline-th.com/form/demo?from=dacothai
คำศัพท์แบ่งปัน
むじ (無地) อ่านว่า มุ-จิ = สีพื้น, ไม่มีลวดลาย
ゆびわ (指輪わ) อ่านว่า ยุ-บิ-วะ = แหวน
つかわないでください (使わないでください) อ่านว่า ทสึ-คะ-วะ-ไน-เดะ-คุ-ดะ-ไซ = กรุณาอย่าใช้
อ่าน “บันทึกการเรียนภาษาญี่ปุ่น: Level Check และการเริ่มต้นอีกครั้ง!” คลิก