อนิเมะที่เป็นทั้งบทเรียนที่โหดร้ายและบทปลอบประโลมที่อ่อนโยน


Japan Sinks: 2020 สร้างจากนิยายของ โคมัตสึ ซาเคียว ชื่อว่า “ญี่ปุ่นจมบาดาล” (1973) เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของผู้คนในเกาะประเทศญี่ปุ่นที่ต้องเผชิญหน้าและรับมือกับมหาภัยพิบัติแผ่นดินไหวรุนแรง สร้างความเสียหายแก่ประชากรในประเทศ ซีรีส์ความยาวสิบตอนนี้แสดงให้เห็นถึงภาพความกลัวของมนุษย์ต่อภัยพิบัติธรรมชาติ และความพยายามในการก้าวเดินต่อไปหลังจากเจอความสูญเสีย

 


ขอบคุณที่ฉันกลัว

ความกลัวเป็นอารมณ์ของมนุษย์ที่มีพลังมหาศาลและเป็นสิ่งที่ติดตัวเรามาตั้งแต่แรกเริ่ม มันคือกลไกหนึ่งของร่างกายที่ตอบสนองต่ออันตรายทั้งร่างกายและจิตใจ เมื่อพูดถึงความกลัวแล้วเนี่ย คิดว่าหลายคนคงไม่ชอบมันสักเท่าไรเพราะอดรู้สึกแย่ไม่ได้ทุกครั้งที่รู้สึกกลัว เหมือนเวลาที่ปิดไฟในห้องนอนแล้วรีบกระโจนขึ้นเตียงเพราะกลัวผี หรือเมื่อยืนบนหน้าผาแล้วขาสั่นเพราะตาเจ้ากรรมดั๊นมองลงไปข้างล่าง

 

แต่รู้รึเปล่าว่าความกลัวมีประโยชน์มากเลยนะ คิดดูว่าถ้าไม่มีความกลัว เราก็คงไม่ระวังตอนเดินข้ามถนน หรือคงทำอะไรโดยไม่คิดถึงชีวิตตัวเอง มันทำให้เราหลีกหนีจากอันตราย เช่น มนุษย์ขึ้นที่สูงเมื่อเจอน้ำท่วมหรือปฏิเสธที่จะเดินใกล้ขอบผาเพราะกลัวตก นอกจากนี้ยังทำให้เราสร้างเครื่องมือเพื่อเตือนภัย อย่างในเรื่องนี้เราจะเห็นว่ามีสัญญาณเตือนสึนามิ การส่งข้อความเตือนผู้คนเมื่อเกิดแผ่นดินไหว และการคิดแผนจัดการรับมือกับสิ่งที่อาจจะเกิดในอนาคต ทำให้มนุษย์ตัวเล็กๆ อย่างเรามีชีวิตท่ามกลางความไม่แน่นอนไปได้อย่างราบรื่นมากที่สุด และอนิเมะเรื่องนี้ก็นำเสนอมันออกไปได้ดีเยี่ยมเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นการพยายามหนีจุดเสี่ยงภัย การหาอาหาร หรือการป้องกันตัวเองในยามคับขัน หรือแม้กระทั่งในสเกลใหญ่อย่างการร่วมมือกันในประเทศและระหว่างประเทศเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยให้รอดพ้นจากอันตราย

เรียกได้ว่าเพราะความกลัวนี่แหละ ถึงทำให้มนุษย์อยู่รอดปลอดภัยได้มาจนถึงทุกวันนี้


บทปลอบประโลมแด่ความสูญเสีย

สิ่งที่แน่นอนว่าจะตามมาหลังจากเกิดภัยพิบัติธรรมชาติ คือการสูญเสีย

สิ่งที่ได้เห็นในเรื่องคือซากปรักหักพังของบ้านเรือนที่ถล่มลงมาหลังจากเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว ถนนสะพานตัดขาด พื้นที่ขาดการเชื่อมต่อโดยสิ้นเชิง ก้อนคอนกรีตหล่นล้มทับใส่คนไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ คลื่นน้ำขนาดมหึมาซัดคนคนหนึ่งให้จมหายไปใต้ทะเล ภาพความสูญเสียทั้งหลายที่เกิดขึ้นในอนิเมะล้วนเป็นสะท้อนสิ่งที่เกิดขึ้นในความเป็นจริงมาแล้ว และอาจจะเกิดในอนาคตได้ทุกเมื่อ มันเป็นสิ่งที่คิดทีไรแล้วก็หดหู่เพราะขึ้นชื่อว่าสูญเสียก็คงไม่ใช่เรื่องดีอยู่แล้ว และสิ่งที่ทำให้หดหู่ยิ่งกว่าเดิมก็ตรงที่ว่าเพราะเราไม่สามารถห้ามความรุนแรงที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติได้เลย แต่สิ่งที่ทำได้คือการเตรียมพร้อมรับมือกับการมาเยือนที่น่ากลัว รวมถึงการก้าวผ่านความเสียหายที่จะเกิดขึ้นไปให้ได้ ไม่ว่าจะมาในรูปแบบไหนก็ตาม และถ้าคุณเกิดสนใจอยากดูเรื่องนี้ (หรือดูไปแล้วก็ตาม) ก็ต้องรับมือกับการสูญเสียที่สุดจะบีบคั้นหัวใจและมาแบบไม่ทันตั้งตัวที่อนิเมะประเคนให้คุณ เรียกได้ว่าตบหัว (หัวแตก) และลูบหลัง (จนกระอักเลือด) กันอย่างหนักหน่วงเลยทีเดียว แต่เฮ้ย! มันคุ้มค่ามากกับการที่เราได้เห็นพัฒนาการของทุกคนที่ต้องปรับตัวและพยายามก้าวต่อไปข้างหน้า เพราะมันกลายเป็นทางเดียวที่ทำได้และควรจะทำ หากอยากใช้ชีวิตที่อยากเป็นและคุ้มค่า ทางเดียวที่ต้องทำก็คือการมีชีวิตอยู่รอดให้ได้และออกไปใช้ชีวิตนั่นแหละ

 

การก้าวต่อไปข้างหน้าของเรื่องนี้ก็ปรากฏอย่างชาญฉลาดผ่านการคิดชื่อตัวละคร ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งเล็กๆ สิ่งหนึ่งที่ทำให้ประทับกับอนิเมะเรื่องนี้ อย่างชื่อของตัวละครหลัก มุโต้ “อายูมุ” และ มุโต้ “โก” สองพี่น้องลูกครึ่งญี่ปุ่น-ฟิลิปปินส์ โดยชื่อของทั้งสองคนหมายถึงการก้าวเดินต่อไปทั้งในภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ สิ่งที่ทั้งสองเผชิญในเรื่องก็สอดคล้องกับการมุ่งต่อไปข้างหน้าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราแก้ไขอะไรไม่ได้อยู่แล้วนอกจากเรียนรู้และก้าวต่อไปข้างหน้า

จริงๆ มันก็สุดจะ simple แบบนี้นั่นแหละ แต่ถามว่าพูดแล้วทำได้มั้ย ก็ต้องอาศัยแรงใจมหาศาลและความกล้าหาญมากเลยทีเดียว ฉะนั้นใครที่เผชิญหน้ากับความความสูญเสียอยู่ตอนนี้ ก็ขอให้คุณรู้ว่าชีวิตมันต้องก้าวต่อไป และคนที่ต้องผ่านมันไปให้ได้ (ซึ่งเราเชื่อว่าทำได้อยู่แล้ว) ก็คือตัวคุณเองนั่นแหละ

 


ถ้าอ่านคอลัมน์นี้จบแล้ว และอยากตัดรสด้วยอนิเมะสุดฮาอย่าง One-Punch Man เป็นผลงานของผู้แต่งนามปากกา One โดยเรื่องนี้จะดำเนินอยู่ในจักรวาลที่มีสัตว์ประหลาดมากมายอาศัยอยู่ในเมือง โดยในเรื่องก็มี “ไซตามะ” ชายหนุ่มที่ฝึกฝนจนกลายเป็นฮีโร่ (แต่หัวล้านซะงั้น) ซึ่งในเรื่องก็มีประเด็นที่น่าสนใจมากมาย ก็ลองเข้าไปอ่านที่ One-Punch Man คนธรรมดาก็เป็นฮีโร่ได้ เลยจ้า

views