ภูเก็ตในวันสบายๆ และเกาะไข่ที่เต็มไปด้วยเหล่าน้องแมว
koh khai
ปลายปีที่ผ่านมา เราตัดสินใจเดินทางไปพักผ่อนส่งท้ายปีด้วยการไปท่องเที่ยวที่ภูเก็ต หลายคนอาจจะคิดว่าภูเก็ตอีกแล้วเหรอ? ใช่จ้ะ! ภูเก็ตอีกแล้วจ้ะ แต่รอบนี้เราตั้งใจมาที่นี่เพื่อจะนั่งเรือต่อไปยังเกาะไข่ที่กำลังเป็นที่นิยมในหมู่ทาสแมวล่ะ
และเพราะเป็นไฟลท์ระยะสั้น เราเลยเลือกเดินทางด้วยสายการบิน Thai Vietjet Air สายการบิน Low Cost ราคาประหยัด ที่ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้เดินทางจากที่พักได้สะดวก ที่นั่งโดยสารค่อนข้างกว้าง นั่งสบาย ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาทีก็เดินทางถึงภูเก็ต
สถาปัตยกรรมแบบชาวเปอรานากัน กลุ่มชาวจีนเชื้อสายมลายู
ทันทีที่ถึงสนามบินและรับกระเป๋าเรียบร้อย เราเดินออกมายังจุดรอรับเพื่อขึ้นรถตู้ของทางโรงแรม Four Points by Sheraton Phuket Patong Beach Resort รีสอร์ทเปิดใหม่ในเครือ Marriott ที่เพิ่งเปิดให้เข้าพักเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ.2563 ที่ผ่านมานี่เอง รีสอร์ทตั้งอยู่บนหาดป่าตอง ฝั่งตะวันตก อยู่ห่างสนามบินภูเก็ตประมาณ 45 นาที Facilities ต่างๆ ค่อนข้างครบครัน ไม่แพ้โรงแรม 5 ดาวเลยล่ะ
ด้วยความที่เราเดินทางมาถึงเร็วไปหน่อย แถมยังไม่ได้กินมื้อเช้า เราเลยตัดสินใจเลือกกินมื้อเช้าของทางรีสอร์ทที่ห้องอาหาร Chao Leh Kitchen ซึ่งเปิดให้บริการถึง 10.30 น.* ซึ่งแม้เราจะเข้าไปตอน 10.30 น.แล้ว แต่ไลน์อาหารก็ยังมีการจัดเตรียมและเติมไว้อย่างครบครันอยู่ และทันทีที่ได้เห็นไลน์อาหารก็ทำเอาเราตาลุกวาวเลยล่ะ ถึงแม้จะเป็นที่พักประเภท 4 ดาว แต่อาหารเช้าแบบ International Buffet ของที่นี่ก็คืออลังการมากๆ น่ากินไปหมดเลย!
*อาจมีการเปลี่ยนแปลง
กินมื้อเช้าเรียบร้อย เราเลยเดินชมงานศิลปะรอบบริเวณรีสอร์ทเพื่อเป็นการย่อยอาหารไปในตัว จุดเด่นของที่นี่คือการออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจมาจากกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมแบบชาวเปอรานากันซึ่งเป็นกลุ่มชาวจีนเชื้อสายมลายูที่อพยพเข้ามาตั้งรกรากในภูเก็ตและทำให้เกิดวัฒนธรรมใหม่ที่เป็นเอกลักษณ์ขึ้นมา ภาพวาดศิลปะรอบรีสอร์ทนั้นมีทั้งงานวาดและงานปั้นกว่า 70 ชิ้น ทำให้รีสอร์ทแห่งนี้เป็นเหมือนแกลเลอรีที่มีชีวิต ภาพวาดดังกล่าววาดโดยทีมศิลปินรุ่นใหม่จากอาร์ตส ลอง กล้า (Artslonga) ทีมที่เคยร่วมงานในโปรเจ็กต์ใหญ่อย่างไอคอนสยามมาแล้วด้วย
ห้อง Pool Access ที่เดินลงสระว่ายน้ำจากระเบียงห้องได้เลย
เดินชมงานศิลปะกันจนเต็มอิ่มก็ได้เวลาเช็คอินเข้าห้องพัก ห้องพักที่นี่มีกว่า 600 ห้อง* 9 อาคาร และมีห้องพัก 7 ประเภท เริ่มต้นที่ประเภท Superior Room ห้องแบบ Pool Access ไปจนถึงห้องแบบ 1 – 2 ห้องนอน คือ ห้องพักสำหรับครอบครัวซึ่งมีห้องเด็กให้โดยเฉพาะ เราเลือกพักห้องประเภท Pool Access เพื่อที่จะได้เดินลงสระว่ายน้ำจากระเบียงห้องได้เลย
*อาจมีการเปลี่ยนแปลง
ซึ่งไฮไลท์อีกอย่างของที่นี่ก็คือสระว่ายน้ำสไตล์ลากูน ยาวขนานห้องพักทั้งสองฝั่ง เป็นสระน้ำเกลือที่บรรยากาศดี น่าว่ายมากๆ (มีสระว่ายน้ำสำหรับเด็กด้วยนะ) และอีกจุดก็คือ The Deck Beach Club ซึ่งสามารถมองเห็นท้องทะเลกว้างๆ ที่อยู่เลียบอีกฝั่งของถนน เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การมาว่ายน้ำ สั่งค็อกเทลสักแก้วดื่ม แล้วนั่งดูพระอาทิตย์ตกตอนเย็นเป็นที่สุด
เราใช้เวลาช่วงบ่ายพักผ่อนสบายๆ อยู่ที่ห้อง ก่อนที่จะออกมาร่วมกิจกรรม Best Brew Tasting Class เป็นกิจกรรมที่ถือเป็น Signature Program ของ Four Points by Sheraton เพื่อเป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างลูกค้าและท้องถิ่นนั้นๆ ผ่านการเทสติ้งคราฟท์เบียร์นั่นเอง ซึ่งคราฟท์เบียร์ที่ขึ้นชื่อของภูเก็ตก็คือ ชาลาวันและบุษบา
เดินริมหาดและทดลองแคะหอยตามโขดหินมากิน
ร่วมกิจกรรมเทสติ้งเสร็จเรียบร้อย ยังพอมีเวลาก่อนพระอาทิตย์ตกดิน เราเลยพากันเป็นเดินเล่นที่ริมหาดป่าตอง ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 แบบนี้ ชายหาดแห่งนี้จึงเงียบเหงาลงไปเยอะ แต่ก็สามารถเดินเล่นรับลมเย็นๆ ริมหาดได้อย่างสบายๆ คนไม่พลุกพล่าน ซึ่งเมื่อเราเดินไปจนสุดหาดฝั่งหนึ่งก็เจอชาวบ้านที่กำลังแคะหอยตามโขดหินอยู่ น่าสนใจมากๆ
เราจึงเข้าไปขอลองแคะดูบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องยากไม่ใช่น้อย รสชาติของหอยนั้นเหมือนหอยนางรมเลยล่ะ สดและหวาน แต่ชิ้นเล็กไปหน่อย ถ้าจะกินให้อิ่มคงจะต้องกินหลายสิบตัว (ฮ่าฮ่า) ส่วนที่ชาวบ้านแคะได้ก็จะนำไปทำอาหารกิน เช่น ไข่เจียวใส่หอย เป็นต้น
เดินเล่นริมหาดเสร็จ เราก็กลับมาที่ The Deck Beach Club เพื่อรอชมพระอาทิตย์ตก แต่ฝนก็ตกลงมาซะงั้น เราเลยตัดสินใจเดินไปห้องอาหาร Chao Leh Kitchen เพื่อรอกินมื้อค่ำกัน ซึ่งเมนูหลักสำหรับมื้อนี้ก็คือชุดอาหารทะเล “Andaman” ราคาชุดละ 999 บาท ที่จัดมาเต็มทั้งกุ้งตัวใหญ่ ปลาหมึก หอยเชลล์ กั้ง ปลากะพง และปูนิ่ม
เกาะไข่ ที่ไม่ได้มีไข่ แต่มีแมว
เช้าวันที่ 2 หลังจากกินมื้อเช้าเสร็จเรียบร้อย พักผ่อนสบายๆ ที่ห้อง พอถึงเวลา 10.30 เราก็ลุกจากเตียงไปที่ฟิตเนส ข้อดีของฟิตเนสที่นี่ก็คือเปิด 24 ชั่วโมง สำหรับเช้านี้เราเลือกเรียนมวยไทยสลายไขมันต้นขากันพอหอมปากหอมคอ ก่อนกลับห้องอาบน้ำและเตรียมเดินทางไปยังเกาะไข่ (Koh Khai) หรือเกาะแมวซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดพังงาและเป็นเป้าหมายหลักของเราในทริปนี้!
เราจองทริปเกาะไข่ใน-ไข่นอกกับทาง Love Andaman ที่ขึ้นชื่อเรื่องบริการและความสนุกสนานของทีมงานที่ดูแล พร้อมจองรถรับ-ส่งจากที่พักด้วย สำหรับทริปเกาะไข่ใน-ไข่นอกนั้นเริ่มต้นเพียง 599 บาท/คนเท่านั้น เดินทางออกจากท่าเรือตอนประมาณ 13.30 น. ใช้เวลาไม่ถึง 30 นาทีก็ถึงเกาะไข่ใน แล้วฝนก็เริ่มลงเม็ด (ฝนคงรักเรามากจริงๆ ตกทุกที่ที่ไป!) เราจึงเดินไปยังที่นั่งในร่มเพื่อรอให้ฝนหยุด แล้วก็ได้เจอกับเหล่าน้องแมวน่ารักมากมายที่เดินมาออดอ้อน คลอเคลียผู้คน บ้างก็เดินมาแอบซุกตัวในกระเป๋า บ้างก็มามาสะกิดขอขนมกิน น่ารักกกก
ในระหว่างที่รอฝนหยุดเราก็เลยใช้เวลาดังกล่าวเพลิดเพลินไปกับของว่างและเครื่องดื่ม Premier Buffet ที่ทาง Love Andaman จัดเตรียมมาให้แบบจัดเต็ม พอฝนหยุดตก เราจึงเดินเล่นริมชายหาด และเลือกซื้อชุด Love Picnic Set เพิ่มเติม เพื่อนำไปนั่งกินชิลๆ ริมหาด
เจ้าแมวดำนักนำทาง
ระหว่างที่นั่งเติมพลังอยู่ ก็หันไปเห็นเหยี่ยวที่กำลังบินอยู่เหนือผาหินสูงที่อยู่ไม่ไกลมากนัก เราจึงตัดสินใจเดินลัดเลาะโขดหินมากมายไปที่นั่น เพื่อลองปีนขึ้นไปชมวิวมุมสูงดู เรื่องที่เป็นความทรงจำดีๆ ก็คือมีเจ้าแมวดำตัวหนึ่งเดินลัดเลาะและปีนขึ้นผาหินไปกับเราด้วยประหนึ่งผู้นำทาง และยังเดินกลับพร้อมพวกเราจนถึงชายหาดแล้วก็แยกตัวไป นี่มันคงเป็นห่วงนักท่องเที่ยวจอมซนอย่างพวกเราสินะ!
หลังจากเพลิดเพลินกับการเล่นกับแมวจนเต็มที่แล้ว เราก็ออกเดินทางจากเกาะไข่ในไปยังเกาะไข่นอกต่อ ที่เกาะไข่นอก บางคนก็เลือกว่ายน้ำเล่น ดำน้ำตื้นดูเหล่าฝูงปลา ส่วนเราเลือกเดินไต่เขาขึ้นไปชมวิว ณ จุดชมวิวแหลมสามอ่าว มองเห็นน้ำทะเลสีฟ้า ตัดกับชายหาดสีขาว สวยงามมากๆ
พอเดินทางกลับถึงรีสอร์ท ก่อนกลับเข้าห้องพัก ด้วยความติดใจในฝีมือเชฟห้องอาหาร Chao Leh Kitchen เราจึงแวะไปกินมื้อค่ำกันก่อน สำหรับมื้อนี้เราเลือกกินเป็นเมนูนานาชาติทั้งพิซซ่า สเต๊ก แฮมเบอร์เกอร์ และปิดท้ายด้วยของหวานท้องถิ่นที่มาภูเก็ตแล้วห้ามพลาดก็คือ “โอ้เอ๋ว” ลักษณะเป็นวุ้นใสๆ เด้งดึ๋งดั๋ง ใส่มาในถ้วยน้ำแข็งไส รสชาติหวานเบาๆ เย็นสดชื่น กินแล้วชื่นใจสุดๆ ถือเป็นการปิดท้ายค่ำคืนก่อนเดินทางกลับกรุงเทพฯ ได้เป็นอย่างดี
เช้าวันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับ เรายังคงเอนจอยกับการกินมื้อเช้าของที่นี่เช่นเดียวกับ 2 วันที่ผ่านมา และแน่นอนว่าวันนี้ก็ไม่พลาดที่จะออกกำลังกายด้วยเช่นกัน (เพราะปกติไม่ค่อยออกกำลังกายค่ะ ฮ่าฮ่าฮ่า) โดยวันนี้เราเลือกเป็น Pilates เพื่อยืดเส้นที่แสนตึงกันสักหน่อย ก่อนจะอาบน้ำ เก็บกระเป๋า เช็คเอาท์ กินมื้อเที่ยง แล้วออกเดินทางจากรีสอร์ทไปสนามบินเพื่อเดินทางกลับกรุงเทพฯ
เป็นทริปเที่ยวภูเก็ตแบบสบายๆ ที่มีแมวช่วยเยียวยาจิตใจ และมีที่พักสบายๆ ช่วยเยียวยาร่างกายที่เหนื่อยล้าจากการทำงานได้เป็นอย่างดี ถ้าวันหยุดยาวครั้งต่อไปยังไม่มีแพลนว่าจะไปเที่ยวที่ไหนดี ฉันก็อยากจะแนะนำให้ลองไปที่นี่กันดูค่ะ
Four Points by Sheraton – Phuket Patong Beach Resort
ที่อยู่ : 198/8-9 ถนนทวีวงศ์ ตำบลป่าตอง อำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต 83150
โทรศัพท์ : 076-645-999
เว็บไซต์ : www.marriott.com/hotels/travel/hktfp-four-points-phuket-patong-beach-resort
ราคาห้องพัก : เริ่มต้นที่ 1,500 บาท/คืน
Thai Vietjet Air
สมัครสมาชิก SkyFUNNER กับสายการบินไทยเวียตเจ็ท เพื่อสะสมคะแนน รับความสนุก และสิทธิประโยชน์มากมาย ได้ทางเว็บไซต์
เว็บไซต์ : https://skyfun.vietjetair.com
เรื่อง : ทัศวีร์ เจริญบุรีรัตน์
ภาพ : Ma-een
ชวนเที่ยวเมืองไทย
“Safari World โลกซาฟารีที่ไม่ต้องเดินทางไกล” คลิก
“ชวนติดเกาะ 3 วัน 2 คืนกับกิจกรรมสุดเพลิดเพลินที่เกาะสมุย (Koh Samui)” คลิก
“ภูเก็ตที่มากกว่าทะเล ณ CHALONG BAY Distillery” คลิก
“หยุดเวลาเพื่อพักกายและใจที่ Sai Kaew Beach Resort เกาะเสม็ด” คลิก