3 ฉากสวยใน MY HAPPY MARRIAGE ณ 3 เมืองที่ต้องไปให้ได้สักครั้ง!
เมื่อ My Happy Marriage (Watashi no Shiawase na Kekkon, わたしの幸せな結婚) ที่ดัดแปลงจากไลท์โนเวลเรื่องดังของ อาคุมิ อากิโทกิ และวาดภาพประกอบโดย สึฮิโกะ สุกิโอกะ เริ่มต้นขึ้น สิ่งแรกที่ทำให้เราประทับใจคือฉากกับแสงสวยๆ ที่สะกดตาเราได้อยู่หมัด แต่ละสถานที่ที่ฝ่ายฉากคัดเลือกมานั้นคือสวยมากๆ พอจัดแสง แล้วมีตัวละคร พร้อมดนตรีประกอบฉากเพราะ ๆ ทุกอย่างคือลงตัวไปหมด ไม่ต้องพูดถึงความน่ารักของคู่พระ-นาง คิโยกะ คุโด (รับบทโดย เร็น เมกุโระ) และ มิโยะ ไซโมริ (รับบทโดย มิโอะ อิมาดะ) ที่มีแต่คำว่าน่ารักเต็มไปหมด ทำให้เราเข้าใจได้เลยว่าทำไมภาพยนตร์เรื่องนี้ถึงโดนใจแฟน ๆ ญี่ปุ่น ได้รับกระแสตอบรับถล่มทลาย มียอดขายตั๋วถึง 750,000 ใบภายใน 7 วัน ทำรายได้เปิดตัวอันดับ 1 และปัจจุบันกวาดรายได้ไปแล้วกว่า 2.4 พันล้านเยน
(อ่านเรื่องย่อ: คลิก)
และแน่นอนว่าพอได้เห็นฉากสวย ๆ ในเรื่องแล้วก็ทำให้เราอยากจะตามรอยภาพยนตร์เรื่องนี้ให้ได้ แต่ต้องบอกเลยว่าโลเคชั่นในภาพยนตร์เรื่องนี้คือเยอะมากกกกก ครั้งนี้ ดาโกะเลยเลือก 3 สถานที่ที่เตะตะเราตั้งแต่แรกเห็น เป็นสถานที่ที่สวยงาม และสามารถแวะไปเที่ยวกันได้มาแนะนำเพื่อน ๆ กัน จะมีที่ไหนบ้าง ออกเดินทางตามรอยไปพร้อมกันเลย!
Rokkaen (六華苑) บ้านหลังสวยของตระกูลไซโมริ
ทันทีที่เราได้เห็นฉากเปิดตัวบ้านของตระกูลไซโมริก็ตกหลุมรักในทันที สถานที่แห่งนี้ที่จังหวัดมิเอะ มีชื่อว่า “Rokkaen” ซึ่งเป็นบ้านพักของคุณเซโรคุ โมโรโตะ (Seiroku Moroto) นักธุรกิจที่รู้จักกันในนาม “ราชาแห่งป่า” ที่เริ่มก่อสร้างในปี ค.ศ.1909 และสร้างเสร็จในปี ค.ศ.1912 ภายในพื้นที่กว้างกว่า 18,000 ตร.ม. แห่งนี้ ประกอบด้วยอาคารสไตล์ตะวันตก อาคารสไตล์ญี่ปุ่น โกดังเก็บของ และอาคารอื่น ๆ รวมถึงสวนสวย ๆ โดยอาคารสไตล์ตะวันตกได้รับการออกแบบโดยสถาปนิกชาวอังกฤษ Josiah Conder ผู้ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น “บิดาแห่งสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ของญี่ปุ่น”
ต่อมาในปี ค.ศ.1991 เมืองคุวานะก็ได้รับที่ดิน และในส่วนของอาคารก็ได้รับการบริจาคจากตระกูลโมโรโตะ ในจำนวนนี้ อาคารสไตล์ตะวันตกและสไตล์ญี่ปุ่นถูกกำหนดให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติในปี ค.ศ.1997 และอาคารอีก 6 หลังถูกกำหนดให้เป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้ของจังหวัดมิเอะ ก่อนที่สวนแห่งนี้ถูกกำหนดให้เป็นจุดชมวิวแห่งชาติในปี ค.ศ.2001
ค่าเข้าชม: 460 เยน สำหรับบุคคลทั่วไป (นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายขึ้นไป) และ 150 เยน (นักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น)
เวลาทำการ: 09.00 – 17.00 น. (เปิดให้เข้าชมถึงเวลา 16.00 น.)
วันปิดทำการ: วันจันทร์ *หากวันจันทร์เป็นวันหยุด จะหยุดในวันถัดไป / วันหยุดสิ้นปีและปีใหม่ (29 ธันวาคม-3 มกราคม)
เว็บไซต์: www.rokkaen.com
ฉากกินขนมหวานแสนหวานกับแววตาที่ใสซื่อของ มิโยะ ไซโมริ
ถือเป็นฉากน่ารัก ๆ ของคู่พระ-นางที่ทำเอาเราเขินสุด ๆ ได้อีกหนึ่งฉาก แต่เหนือสิ่งอื่นใด แววตาที่ใสซื่อที่ มิโอะ อิมาดะ ถ่ายทอดออกมาในฐานะ มิโยะ ไซโมริ นั้นมันช่างใสซื่อบริสุทธิ์มาก ๆ ใสซื่อแบบที่เราไม่เคยรู้สึกว่ามีใครที่ทำแววตาใสซื่อได้มากขนาดนี้อีกแล้ว และสถานที่ในฉากนี้ก็สวยเปล่งประกายพอๆ กับแววตาที่ใสซื่อของ มิโยะ ไซโมริ เช่นกัน
สถานที่แห่งนี้ก็คือคาเฟ่ของ Kinse Ryokan Inn ในจังหวัดเกียวโต บนถนนเกียวโตที่เงียบสงบ เมื่อผ่านประตูบานใหญ่ไปยังย่านความบันเทิงชิมาบาระ จะพบกับอาคารเก่าอายุหลายชั่วคนที่เดิมทีคือ อาเกยะ สถานที่ที่เกอิชาได้เคยมอบความบันเทิงให้กับผู้มาเยือน ก่อนจะถูกปรับเป็นเรียวกังจนถึงต้นทศวรรษ 1990 และเปิดให้บริการเป็นคาเฟ่และบาร์ที่ชั้นหลัก พร้อมห้องพักสำหรับแขกบนชั้นสองตั้งแต่ปี ค.ศ.2012 เป็นต้นมา
เวลาทำการ (คาเฟ่และบาร์): 17.00 – เที่ยงคืน
วันปิดทำการ: อังคาร และวันที่มีกิจกรรมพิเศษหรือคอนเสิร์ต
เว็บไซต์: http://kinseinn.com
ฉากการต่อสู้ที่แสนบีบคั้นและเรียกน้ำตาได้ไม่น้อย
เรียกได้ว่าฉากการต่อสู้ระหว่างเหล่านายทหารหน่วยพิเศษใน My Happy Marriage เป็นอีกหนึ่งฉากที่บีบหัวใจเราสุด ๆ ทั้งลุ้น ทั้งดราม่า โดยสถานที่ที่ใช้ในการถ่ายทำฉากนี้คือ Maizuru Brick Park หรือ Akarenga Park ในเกียวโต เดิมทีไมซูรุเป็นพื้นที่ของหมู่บ้านชาวประมง ก่อนจะกลายเป็นฐานทัพเรือที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น ในช่วงปี ค.ศ.1904 – 1905 สงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น และมีเรือรบจำนวนมากมาประจำการที่นี่
อาคารอิฐแดงต่าง ๆ ในสวนแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี ค.ศ.1900 ถึง ค.ศ.1921 เพื่อเป็นโกดังเก็บยุทโธปกรณ์สำหรับฐานทัพเรือไมซูรุ ซึ่งถูกออกแบบอย่างเรียบง่าย ถือเป็นอาคารอิฐโครงเหล็กที่เก่าแก่ที่สุดในไมซูรุ และถูกกำหนดให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติในปี ค.ศ.2008 ตัวอาคารยังเป็นส่วนจัดแสดงและมีส่วนที่เป็นพิพิธภัณฑ์อีกด้วย
ค่าเข้าชม: 400 เยน สำหรับบุคคลทั่วไป และ 150 เยน (นักเรียนระดับมัธยมศึกษาถึงมหาวิทยาลัย)
กรณีที่เข้าชม 2 พิพิธภัณฑ์ในพื้นที่ ราคา 600 เยน สำหรับบุคคลทั่วไป และ 200 เยน (นักเรียนระดับมัธยมศึกษาถึงมหาวิทยาลัย)
เวลาทำการ: 09.00 – 17.00 น. (เปิดให้เข้าชมถึงเวลา 16.30 น.)
วันปิดทำการ: วันหยุดสิ้นปีและปีใหม่ (29 ธันวาคม-1 มกราคม)
เว็บไซต์: https://akarenga-park.com
และนี่คือ 3 สถานที่ที่ดาโกะหยิบมาแนะนำกันในครั้งนี้ อยากจะรู้ว่าแต่ละที่สวยขนาดไหน ตามไปดูภาพยนตร์กันได้เลย!
MY HAPPY MARRIAGE ขอให้รักเรานี้ได้มีความสุข
22 มิถุนายน ในโรงภาพยนตร์
เว็บไซต์ภาษาญี่ปุ่น: คลิก
อ่าน “3 สถานที่สวย ๆ ที่ต้องปักหมุดไว้! แล้วเตรียมไปตามรอย Cherry Magic The Movie กัน!” คลิก
“ชวนตามบารอนไปเที่ยวตามรอย 3 โลเคชั่นในภาพยนตร์ Whisper of the Heart!” คลิก