ลางานไปติ่ง ONE OK ROCK 2017 “Ambitions” JAPAN TOUR
หลังจากที่ดูการแสดงสดของ ONE OK ROCK ในไทย 2 ครั้ง ก็ตั้งปนิธานกับตัวเองว่าจะต้องไปดูวงเล่นสดที่ญี่ปุ่นให้ได้
ตอนแรกตั้งใจว่าจะไปดูเมื่อปีที่แล้ว ตอน Nagisaen แต่ตารางงานตัวเองและระบบการเงินไม่เป็นใจ เลยยกเลิกแพลนไป
ใครที่เคยดูวงนี้เล่นสด แล้วได้ติดตามดูเทปบันทึกการแสดงในญี่ปุ่นแต่ละรอบของวงน่าจะเข้าใจเราดี ว่าทำไมถึงอยากไปดูที่ญี่ปุ่น
เหตุผลแรกคือ จะได้ฟังวงเล่นเพลงทั้งหมดเป็นเวอร์ชั่นญี่ปุ่น (ถึงแม้อัลบั้มล่าสุดนั้น เวอร์ชั่นญี่ปุ่นกับเวอร์ชั่นอเมริกา จะไม่ได้แตกต่างกันมากก็เถอะ)
เหตุผลที่สองคือ พิธีกรรมการดูคอนเสิร์ตของคนญี่ปุ่น มันเป็นอะไรที่หาฟีลลิ่งแบบนั้นในประเทศอื่นไม่ได้
และเหตุผลที่สามคือ ได้ไปเที่ยว! 555
พอพลาดปี 2016 เราเลยคุยกับเพื่อนไว้ว่าปี 2017 จะไปดูเจแปนทัวร์ของวงนะ สนใจไปด้วยกันมั้ย ซึ่งพอตารางทัวร์ออก ก็ประจวบเหมาะกับ Peach Aviation เปิดเส้นทางบินตรงไปโอกินาว่าพอดี ซึ่งคอนฯรอบโอกินาว่าจะเล่นเดือนพ.ค. ช่วงวันก็ลาได้พอดี แถมยังไม่เคยไปเที่ยวโอกินาว่า เรากับเพื่อนเลยตัดสินใจเลือกที่นี่เป็นจุดหมายของการไปดูคอนเสิร์ต ONE OK ROCK 2017 “Ambitions” JAPAN TOUR
พอตัดสินใจเลือกรอบแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนต่อไป เราตัดสินใจหาบัตรคอนฯให้ได้ก่อน ค่อยจองตั๋วเครื่องบินทีหลัง ซึ่งวิธีการหาบัตรคอนฯของเราก็ไม่ยาก เพราะเราติดตามเพจ ONE OK ROCK, Yes I am อยู่ เป็นแฟนเพจของวงที่ทำโดยแฟนเพลงไทย เราเคยสั่งสินค้าหน้าคอนฯกับแอดมินเพจ และมักจะเห็นทางเพจอัพเดทข่าวสารเรื่องคอนเสิร์ตของวงเป็นประจำ รวมทั้งแอดมินก็ใจดีประกาศรับฝากจองบัตรพอดีด้วย เลยได้โอกาสฝากแอดมินจองรอบโอกินาว่าวันที่ 5 พ.ค. ให้ 2 ใบ
แต่ขั้นตอนของการจองก็ช่างลำบากยิ่งนัก เพราะต้องใช้วิธีโทรจองบัตร ต้องมีบัญชีญี่ปุ่น ต้องบลาๆๆ ตอนที่เปิดจองเราเลยชวดไป สุดท้ายแอดมินเลยหาคนปล่อยบัตรมาให้ ซึ่งก็เป็นคนไทยด้วยกันเนี่ยแหล่ะ ปล่อยรอบวันที่ 4 พ.ค. ให้ สุดท้ายก็ได้บัตรรอบวันที่ 4 พ.ค. 2 ใบมาไว้ในครอบครอง
วิธีการรับบัตรก็ไม่ยาก เพราะญี่ปุ่นเค้าไปไกลมากแล้ว ทุกอย่างสามารถทำผ่านมือถือได้หมด (แต่จะน่าเสียดายตรงที่ไม่มีบัตรกระดาษเก็บไว้ดูต่างหน้า) คนที่ขายบัตรต่อให้ ตอนซื้อบัตรเค้าเลือกรับบัตรเป็น QR CODE ผ่านแอพฯ โดยทางผู้จำหน่ายจะส่งให้ล่วงหน้า 2 สัปดาห์ก่อนวันคอนเสิร์ต เพราะฉะนั้นเราก็โหลดแอพฯที่ชื่อ tixeebox มาไว้ในมือถือและเข้าไปลงทะเบียนล่วงหน้ารอไว้ก่อน หลังจากนั้นเราก็จะได้รับ link เพื่อให้เรากดเข้าไปสแกน QR CODE รับบัตร (ซึ่ง 1 ครั้ง จองได้ 4 ใบ)
2 สัปดาห์ก่อนวันคอนเสิร์ต ทางแอดมินเพจก็ส่ง link บัตรคอนฯมาให้เราคนแรก โดยสิ่งที่เราจะต้องทำคือ
1.) ใช้คอมพิวเตอร์หรือมือถือเครื่องอื่นเปิด link ที่ทางแอดมินส่งมาให้
2.) ใช้มือถือเราเปิดแอพฯ tixeebox ขึ้นมาเพื่อกดสแกนโค้ด แล้วบัตร 4 ใบก็จะเด้งเข้ามาอยู่ในแอพฯเครื่องเรา ในรายละเอียดก็จะมีบอกรอบวันที่และสถานที่จัด (หมายเลข 1) โซนและเลขที่นั่ง (หมายเลข 2) และวิธีสังเกตว่ามีทั้งหมดกี่ใบ คือเลขที่มุมขวาล่าง (หมายเลข 3) จะมีตัวเลขขึ้น 1/4 นั่นหมายถึงมีบัตรอยู่กับเรา 4 ใบ ให้เราลองเปิดไล่ดู จะเป็นลำดับการจองหรือที่นั่งเรียงกันตามลำดับสี่หมายเลข ในกรณีนี้เราได้เป็นบัตรนั่งบนสแตน 4 ใบ ฝั่งทิศใต้ แถว Q เลขบัตรก็จะเรียงเป็น Q52, Q53, Q54, Q55 ซึ่งเราฝากแอดมินซื้อแค่ 2 ใบ นั่นหมายความว่า เราต้องเก็บ Q52 ไว้เป็นของเรา 1 ใบ Q53 ให้เพื่อนเรา 1 ใบ และส่งให้แอดมินคืน 2 ใบ
3.) วิธีการส่งต่อก็ไม่ยาก เลือกใบที่จะส่งต่อเช่น Q53 แล้วกดเลือก Give Ticket (หมายเลข 4) แล้วเลือก Send via QR code (หมายเลข 5) ก็จะมี QR Code เด้งขึ้นมา ให้เรา Screencapture แล้วส่งต่อให้กับคนรับ โดยคนรับก็ต้องไปทำวิธีเดียวกับวิธีที่เราสแกนรับบัตรมานั่นแหล่ะ หลังจากเราเลือกกด Send via QR code แล้วนั้น คนรับจะมีเวลา 24 ชั่วโมงในการสแกนรับบัตรไป ถ้าไม่ทัน…ไม่ต้องตกใจ ทำใหม่แล้วส่งให้อีกรอบก็เท่านั้นเอง พอมีคนสแกนรับบัตรแล้ว เลขที่มุมขวาในแอพฯเราก็จะค่อยๆลดลงตามจำนวนที่มีคนสแกนไป จนเหลือ 1 ใบ (1/1) ซึ่งก็คือของเรานั่นเอง
และแล้วเดือนพ.ค.ก็มาถึง! เราออกเดินทางจากสุวรรณภูมิคืนวันที่ 2 พ.ค. และไปถึงที่โอกินาว่าตอนเช้าประมาณ 8 โมงของวันที่ 3 พ.ค. ใช้เวลา 1 วันเที่ยวง่ายๆ ในนาฮา ด้วยรถบัส แล้ววันที่ 4 พ.ค. ซึ่งเป็นวันที่เรามีบัตรคอนฯอยู่ในกำมือก็มาถึง
เราตื่นแต่เช้าประมาณ 10 โมง (นี่เช้าแล้ว!) เพราะยังรู้สึกเพลียๆ อยู่ ก่อนจะแวะไปศาลเจ้าและชายหาดใกล้ๆ ที่พัก ทานข้าวกลางวัน แล้วก็เดินไปสถานีรถไฟฟ้าโมโนเรล Asahibashi ซึ่งที่สถานีนี้จะเป็นจุดศูนย์กลางของป้ายรถบัสสารพัดสาย รวมทั้งมีศูนย์ข้อมูลที่มีเจ้าหน้าที่ใจดีคอยตอบคำถามอยู่ พอถึงที่สถานีปุ๊ป เราก็เดินเข้าศูนย์ตรงดิ่งไปหาคุณป้าคนหนึ่ง พร้อมบอกจุดหมายปลายทางคือ Okinawa Convention Center คุณป้าก็จะยื่นตารางเวลารถ พร้อมบอกสายและป้ายที่เราต้องเดินไปขึ้น รวมทั้งราคาให้กับเรา ซึ่งสายที่เราจะต้องขึ้นคือสาย 32 ราคา 530 เยนและใช้เวลาประมาณ 40 นาที
พอเราเดินไปถึงที่ป้ายรถ ก็โล่งใจทันที เพราะที่ป้ายมีแฟนคลับนั่งอยู่ก่อนแล้ว 2 คน (เวลาไปดูคอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่น ไม่ต้องกังวลเลยว่าจะไปไม่ถูก แค่ไปถึงที่ขึ้นรถที่หลักๆ ให้ได้ ก็จะเจอมุนษย์แฟนคลับแต่งตัวเต็มยศทั้งเสื้อยืดวง ผ้าเชียร์ ริสแบนด์ บลาๆๆ คือเห็นปุ๊ปก็รู้ได้เลยว่าแม่งต้องไปที่เดียวกัน แน่นอน เพราะงั้นก็แค่ตามคนเหล่านั้นไป)
นั่งรถไปได้ซักพัก พอใกล้ถึงสถานที่จัดคอนฯก็จะเริ่มเห็นกลุ่มแฟนคลับเยอะขึ้นเรื่อยๆ แต่พอไปถึงก็ต้องตกใจเพราะเราไปถึงประมาณบ่าย 3 กว่าๆ แล้ว แต่แถวที่ต่อรอซื้อ Goods หน้าคอนเสิร์ตยังยาวเลยประตูทางเข้าออกมาอยู่เลย ซึ่งด้วยอาการเพลีย บวกกับแดดที่ร้อนมาก เรากับเพื่อนเลยตัดสินใจเดินไปห้างแถวนั้นเพื่อรอเวลาประตูใกล้เปิดค่อยเดินกลับมาใหม่
Okinawa Convention Center ก็จะคล้ายๆ กับอิมแพ็คฯบ้านเรา ที่มีหลายส่วนเพื่อจัดกิจกรรมต่างๆ กันไป ซึ่งคอนเสิร์ตจะจัดในส่วนของ Exhibition Hall เป็นฮอลขนาดเล็กซึ่งจุผู้เข้าชมได้ประมาณ 5,000 คน (ขนาดประมาณธันเดอร์โดม) เพราะฉะนั้นอยู่ตำแหน่งไหนก็เห็นเวทีชัดเจนดี
ประตูเปิด 17.00 น. เราเดินกลับมาที่สถานที่จัดคอนเสิร์ต ตอนประมาณบ่าย 4 แล้วโชคดีที่แถวซื้อ Goods สั้นแล้ว เลยตัดสินใจต่อแถวซื้อของก่อน สอย Tote bag สีดำ ราคา 1,000 เยน กับผ้าเชียร์สีเหลืองราคา 1,500 เยนมาไว้ในคลังมหาสมบัติ พอสบายใจที่ได้เสียเงินแล้ว ก็เดินหาล็อดเกอร์จะฝากกระเป๋ากันใหญ่ สรุปที่นี่ไม่มี แต่โชคดีที่มีบูธเปิดรับฝากของ โดยคิดราคา 500 เยน สต๊าฟจะรับของทั้งหมดที่เราอยากฝากใส่ถุงพลาสติกใสถุงใหญ่ไว้ พร้อมให้เรากรอกข้อมูลคือชื่อและเบอร์โทรศัพท์ แล้วแปะไว้ที่ถุง พร้อมกับยื่นใบฝากให้เรา 1 ใบ ตอนคอนฯเลิกก็แค่เดินมายื่นใบฝากให้สต๊าฟแล้วรับกระเป๋าคืน
ฝากกระเป๋าเสร็จเรียบร้อย ก็เดินหาป้ายโซนตัวเองที่มีสต๊าฟยืนชูไว้อยู่ เจอป้ายทิศใต้ปุ๊ป ก็เดินไปต่อแถวรอเวลาประตูเปิด โดยวันก่อนหน้าคอนเสิร์ตก็จะมีข้อความแจ้งเตือนส่งเข้าแอพฯ ถึงวิธีการเตรียมตัวสำหรับวันคอนเสิร์ต สรุปใจความสั้นๆ คือให้เหลือแบตฯในโทรศัพท์ไว้ด้วย เพราะต้องเปิดบัตรในแอพฯ ให้สต๊าฟดูตอนเข้าคอนเสิร์ต และที่สำคัญอย่าเผลอไปกดที่รูปคอนฯในแอพฯก่อนถึงเวลา เพราะชีวิตคุณอาจจะหาไม่ คือถ้าเราเผลอกดมันจะขึ้นว่าเราโชว์ให้สต๊าฟดูไปแล้ว แล้วมันก็จะขึ้นลายปั๊มคำว่า Thank you ขึ้นมา จบเห่! เข้าคอนฯไม่ได้หน่าจา และคำเตือนเพิ่มเติมจากเราคือคืนก่อนวันคอนฯให้เช็คแอพฯให้ดี ถ้ามันขึ้นให้อัพเดทก็รีบอัพไว้ เพราะของเพื่อนเรามันไปเด้งให้อัพหน้างานตอนอีก 5 คิวจะได้เข้าคอนฯ สรุปก็ต้องหลบแถวคิวไปยืนรออัพเดทแอพฯก่อน เพราะถ้าไม่ยอมอัพเดท แอพฯจะเปิดไม่ได้ (==;)
วิธีการเข้าคอนฯก็แค่โชว์บัตรในแอพฯให้สต๊าฟดู สต๊าฟก็จะจิ้มๆที่หน้าจอเราเพื่อยืนยันข้อมูล บัตรก็จะเด้งเป็น Thank You ขึ้นมา พอผ่านวันคอนเสิร์ตไปได้ซักพัก มันก็จะอันตรธานหายไปทั้งหมด เพราะฉะนั้นแนะนำให้แค๊ปฯรูปเก็บไว้ล่วงหน้าเลย ถ้าอยากจะเก็บไว้นะ
ปกติคอนฯของ ONE OK ROCK จะมีแฟนคลับทำ Circle Pit ด้วย แต่ด้วยความที่ฮอลที่โอกินาว่าค่อนข้างเล็กและพื้นที่ไม่เอื้ออำนวยเท่าไหร่ ด้านหน้าทางเข้าฮอลเลยจะมีป้ายแจ้งไว้อย่างชัดเจนว่าไม่ให้ทำ Circle Pit นะจ๊ะ! และแน่นอนที่ญี่ปุ่นห้ามถ่ายรูปทุกช่วง แค่สต๊าฟเห็นเรานั่งเล่นมือถือไฟส่องหน้า ก็เดินมาสะกิดเตือนแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ควรเสี่ยงถ้าไม่อยากโดนดึงออกจากคอนฯ
คอนเสิร์ตเริ่ม 18.00 น. รอบที่โอกินาว่ามีวง MONGOL800 เล่นเป็นวงเปิด เป็นวง Punk Rock 3 ชิ้น ที่สมาชิกในวงเป็นคนโอกินาว่า เหล่าคุณลุงก็จะแต่งตัวฮาวายชิวๆ ขึ้นเล่น เอาจริงๆ ถือเป็นการเบิกโลกให้กับเรามากๆๆๆ เพราะเพิ่งมารู้ในคอนฯว่าเพลง 小さな恋のうた เป็นของวงนี้ ได้ยินมาตั้งนาน เห็นคนcoverมาก็เยอะ นี่ไม่รู้ต้นกำเนิดเลยจริงๆ (กลับมาจากคอนเสิร์ตถึงกับต้องมานั่งไล่ฟังเพลงของวงนี้ดู) คนดูก็ดูสนุกสนานและเอนจอยดี (ซึ่งคนดู 70% เป็นคนในพื้นที่ และ 30% เป็นคนญี่ปุ่นจากเมืองอื่นๆ กับด๋อมด๋อยอย่างเราๆ นั่นเอง) วงเล่นประมาณ 45 นาที มีเพลงที่เราคุ้นหูหลายเพลง ระหว่างที่ลุงเล่น สมาชิกวง ONE OK ROCK ก็ยืนอยู่ข้างเวทีดู MONGOL800 เล่นด้วย ซึ่งจากมุมเราจะเห็นโทโมยะง่ายสุดเพราะดูนางอิน โยกย้ายส่ายเอวตลอดเวลา เลยเห็นการขยับเขยื้อนของนางชัดเจน
แล้วก็ถึงเวลา 19.00 น. เวลาที่ทุกคนรอคอย Ambitions -Introduction- ดังขึ้น พร้อมกับจอมอนิเตอร์ที่ค่อยๆ แยกออก 2 ข้าง แล้วก็เป็นเวทีที่มีสมาชิกทั้ง 4 คนยืนประจำตำแหน่งค่อยๆ เลื่อนออกมาข้างหน้า แค่อินโทรฯเปิดก็ประทับใจแล้วจริงๆ แล้วแสง สี เสียงมาเต็ม คือเวทีเป็นมอนิเตอร์ตั้งฉาก 90 องศา คือทั้งฉากหลังและพื้นเวทีที่ศิลปินเหยียบอยู่มันเป็นมอนิเตอร์หมดเลย เพราะฉะนั้นคนที่อยู่บนสแตนอย่างเราก็จะได้เห็นลูกเล่นของvisual video ในองค์รวมทั้งหมด แถมไฟสีน้ำเงินที่ยิงสาดกันกระจายเต็มฮอล คือแบบบบบบบ ดี! แล้วพออินโทรฯจบ ก็เปิดฉากความมันกับเพลง
Bombs Away: ตอนท่อนฮุค tick tick tock and it’s bombs away เสียงที่ทากะแหกออกจากปากมาจนมีความพร่าด้วยนั้น คือดี
ONION!: โอยยยยยย! กะให้หมดพลังตั้งแต่ต้นคอนฯเลยรึไงกัน โชคดีที่แถวที่เรานั่งอยู่หน้าสุดของชั้น 3 ก็จะมีราวกั้นข้างหน้าให้จับด้วย สบายใจเลยทีนี้ คือก็ทั้งกระโดด ทั้งเฮดแบงด้วยแบบไม่กลัวเป็นลมเป็นแล้งใดๆ ทั้งสิ้น (มีที่ค้ำตัวไง)
Deeper Deeper: ตายกันไปเลย! เราคิดว่าใครที่ตามวงนี้อยู่ เพลงนี้ถือเป็นเพลงโปรดด้วยแน่นอน แค่เบสของเรียวตะขึ้นก็กรี๊ดแล้ว แถมอีเสียงกระแอมคอสดๆ ของทากะอีก มาค่ะ ให้เฮดแบงนาน 10 นาทีก็ไหวค่ะ
Taking Off: เพลงจากอัลบั้มล่าสุด ที่ถูกเลือกมาทำวิดีโอโปรโมท คือเอาจริงๆ มันก็ไม่ร็อคเท่าอัลบั้มก่อนๆ หรอก แต่ข้อดีของเล่นสดคือการเล่นให้มันกว่าเดิมได้ไง แล้วพลังของสมาชิกแต่ละคนที่เหลือล้นอยู่แล้ว มันก็จะมันกว่าฟังออดิโอ้ขึ้นมาอีก
จบ 4 เพลงก็ทักทายผู้ชมกันเล็กน้อย ก่อนจะต่อด้วย
20/20: คงที่ระดับความมันไว้เท่ากับ Taking Off เพลงนี้เราชอบเนื้อเพลง โดยเฉพาะท่อนฮุค Now I can see exactly who you are pretending… I will never let you back into my life!!! เรียกได้ว่าเราร้องแหกปากดังมาก ณ จุดนั้นคือไม่สนใจใครละ
แต่ แต่ แต่ แต่ที่พีคไม่ใช่เรื่องเพลง แฟนเกิร์ลอย่างเรากรีดร้องหนักมากเพราะการสกินชิป (Skinship) ของทากะและโทรุ คือกรีดร้อง มือจิก ปากก็พูดคำว่าเกลียดดดดดดด ลากเสียงยาวออกมาดังๆ คือนางรู้ว่าแฟนชอบให้นางสกินชิปเป็นคู่จิ้นกัน นางก็แฟนเซอร์วิสกันสุดๆ ไปเลยเจ้าค่าาาา (ตัดภาพมาที่เราที่แทบอยากจะหายตัวไปโผล่บนเวที แล้วแทรกกลางไปอยู่ระหว่างมนุษย์ทากะและโทรุ) หึ!!
Cry Out: ทัวร์ครั้งนี้ร้องเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษ คือเพลงนี้ถ้าใครเคยดูไลฟ์ทั้งในโลกความเป็นจริง และโลกยูทูปจะต้องอยากดูครั้งแล้วครั้งเล่า ดูซ้ำอีกเรื่อยๆ เราชอบท่อนคอรัสของโทรุ “voices all around” เป็นพิเศษ ถ้าร้องตามทีไร ต้องมีดื่มน้ำตาม และเป็นอีกเพลงที่แฟนเพลงมักจะทำ circle pit แต่รอบนี้ก็อดกันไป เพราะเค้าห้ามไว้ (ร้องไห้้้ อดดูเซอร์เคิลพิทจากมุมสูง)
Clock Strike: เป็นเพลงที่มีสัญลักษณ์บอกก่อนเริ่มเพลงเสมอ นั่นคือท่านาฬิกาของทากะ แล้วทุกคนก็จะทำตามกันใหญ่
Bedroom Warfare: เพลงในอัลบั้มใหม่อีกเพลง ที่มันก็ไม่ได้ร็อคหนักมาก แต่พอร้องสดเล่นสดแล้วมันนะ โดยเฉพาะการเพิ่มโซโล่ของแต่ละคนแทรกเข้ามาด้วย ส่วนทากะก็แย่งซีนกลับมาโดยการทำแจ็คเก็ตนอกหล่น เปิดไหล่โชว์อยู่นั่นแหล่ะ (การสังเกตนี้ คือความแฟนเกิร์ลล้วนๆ 5555)
69: เป็นช่วงทากะบ่นไปเดินไปนั่นเอง ระหว่างที่รัวเนื้อเพลงก็เดินไปเวทีทั้ง 2 ฝั่งเพื่อเข้าถึงแฟนเพลงไปด้วย
Always Coming Back: เป็นเพลงที่เราดูในเทปบันทึกรอบ Nagisaen ปี 2016 แล้วรู้สึกว่าอยากฟังสดมากๆ ก็เป็นเพลงพักเก็บแรงกันไป ช่วงท่อน Oh Oh Time goes by ก็ได้แฟนเพลงช่วยคอรัสประสานเสียงกันทั้งฮอล คือทุกคนตั้งใจเงียบฟัง ตั้งใจ Oh Oh กันมากๆ
จบครึ่งแรกไป ก็พักกันด้วยช่วง MC นาง4คนก็เมาท์กัน แบบไม่ได้ทัวร์ในประเทศมาเกือบ 2 ปี ไม่ได้มาโอกินาว่านานมาก ทุกคนเป็นยังไงกันบ้าง พูดคุยเรื่องอาหารโอกินาว่า บลาๆๆ มีสลับกันปล่อยมุข มีตอนนึงที่ทากะปล่อยมุข แล้วทุกคนเงียบ นางถึงกับเอียงคอถามว่าไม่ตลกเหรอ (สงสารรรและเอ็นดูนางในเวลาเดียวกัน 555) นี่คือข้อดีของการมาดูไลฟ์ที่บ้านเกิดนาง เพราะนางจะเมาท์กันยาวววววว
ต่อกันด้วยช่วง acoustic ซึ่งรอบนี้เลือกเอาเพลงประจำชาติของวงอย่าง Wherever You Are มาร้อง แต่re-arrange ใหม่
Wherever You Are: รอบนี้โทรุเล่นกีตาร์ โทโมยะเล่นเปียโน และพีคคือเรียวตะเล่นวิโอล่า แล้วคือเพลงนี้เราอึดอัดมาก เพราะทั้งฮอลเงียบมาก เงียบกริบจนได้ยินเสียงแอร์ คือทุกคนตั้งใจฟังกันมาก เรานี่ก็ได้แต่กัดฟันไม่ให้เผลอร้องเสียงดังออกมา แต่เวอร์ชั่นนี้คือดีงามพระราม 8 จริงๆ
Listen (feat. Avril Lavigne): เพลงนี้ทากะไปยืนให้ไฟส่องและกล้องจับที่หน้าอยู่ฝั่งซ้ายของเวที ส่วนฝั่งขวาเป็นวีทีอาร์ที่เริ่มต้นด้วยการที่เอวริลโทรศัพท์หา เป็นบทสนทนาสั้นๆ ก่อนจะเข้าเพลง ก็เหมือนทากะกับเอวริลร้องด้วยกันอ่ะ เพราะที่มอนิเตอร์ก็จะเป็นวีทีอาร์ทั้งคู่ร้องคู่กันอยู่ เพลงนี้สงสารทากะ นางน่าจะร้อน เพราะต้องให้ไฟสปอตไลท์ส่องหน้าทั้งเพลง
จบช่วงอคูสติกไป ทากะก็ลงเวทีไปพัก ปล่อยให้ 3 คนที่เหลือโซโล่เข้าช่วง Instrumental ช่วงนี้คือเดือดมากจริงๆ ใครที่ตามดู Instumental ของวงนี้ จะเห็นลูกเล่นและพัฒนาของวงที่เดือดมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกทัวร์ แต่เราว่าไม่มันเท่า Nagisaen เท่าไหร่
กลับเข้าครึ่งหลัง ทากะกระโดดเด้งลอยตัวขึ้นมาจากใต้เวที
Bon Voyage: เพลงนี้เล่นสดได้ดีอีกเพลง และมันกว่าออดิโอ้เช่นเคย มีเล่นแสงสีหนักในเพลงเหมือนกัน
Start Again: มีเพลงประจำชาติให้เซอร์เคิลพิท เพลงชาติให้ยืนสงบนิ่งน้ำตาไหล แล้วก็ต้องมีเพลงให้ Jump ด้วยเช่นกันถึงจะครบสูตร และทัวร์รอบนี้เพลงนี้คือเพลงสำหรับการกระโดดค่ะท่านผู้ชม ทากะขอให้คนดูนั่งลง ก่อนจะนับถอยหลัง three two one ให้กระโดดตามสเต็ป และเพลงนี้ถือเป็นเพลงที่ต้องฝึกพลังปอดไปให้หนักๆ เพราะท่อนโว๊ะโอ๊ะโอฯนั้น ทากะนางจะส่งไมค์ให้แฟนเพลงร้องกัน และให้ร้องหลายรอบมากๆ (ย้ำว่าหลายรอบมาก) ร้องวนไปจนกว่าปอดจะฉีก!
I Was King: ซาวด์อินโทรขึ้นก็รู้ทันทีว่าเพลงอะไร ก็ร้องคลอกันไป เพลงนี้ไม่พีคอะไรมาก
แล้วก็เข้าสู่ MC อีกรอบ เป็นช่วงเดี่ยวไมโครโฟนตามสเต็ปของทากะ ที่จะพูดดึงอารมณ์ของคนดู ก็ประมาณว่าพูดถึงเส้นทางของวงตลอด 10 ปีที่ผ่านมา เส้นทางที่วงเลือกเดินและความตั้งใจของวง ต่อจากนี้ไปก็ฝากเนื้อฝากตัวกันด้วย ประมาณนี้ ก่อนจะโค้งให้แฟนเพลงยาวๆ 1 ที แล้วดึงกลับมาที่เพลงอีกครั้ง
Take What You Want: อีก 1 เพลงที่เราอยากฟังมากที่สุดในการทัวร์ญี่ปุ่นปีนี้ คือชอบเนื้อหาของเพลงนี้เป็นพิเศษ แล้วยิ่งฟินเพิ่มอีกหลายเท่า เพราะวง re-arrange เพลงนี้ใหม่เป็นกึ่งอคูสติก คือ ทำไมขนลุก ทำไมน้ำตาคลอล่ะเรา?! คือประทับใจการเรียบเรียงทำนองใหม่ของเพลงนี้มากจริงๆ ยืนปรบมือให้ยาวๆ ไปค่ะ
The Beginning: อีกเพลงชาติ เพลงประจำวง พอทุกคนรู้ว่าจะเป็นเพลงอะไรก็ยกมือทำท่าประกอบตามทากะทันที และแน่นอนว่าเราไม่ได้มองอะไรเท่าไหร่ มัวเฮดแบงอยู่นั่นเอง ใครไม่เฮดแบงเพลงนี้นี่ ยอมใจ!
Mighty Long Fall: จัดมาเป็นชุดแบบไหนๆ ก็จะจบแล้ว พวกแกจงเฮดแบงให้หมดพลังแล้วล้มพับลงไปซะ!! (ประมาณนี้ 55) แต่เพราะสถานที่ไม่เอื้ออำนวย เล่นเซิร์ฟไม่ได้ ทากะนางเลยได้แค่เดินลงมาจากเวที มาเกาะรั้วร้องกับแฟนเพลงแค่นั้น
We Are: ถือเป็นเพลงชาติเพลงใหม่อีกเพลง เพราะดูแฟนเพลงญี่ปุ่นจะอินกับเพลงนี้มาก อาจจะด้วยผลของการทำ 18Fes. version ออกมาก่อนหน้านี้ ก็คือดี เหมือนแฟนเพลงก็เตรียมตัวมาดี พร้อมใจกันประสานเสียงประหนึ่งโชว์งานโรงเรียน มือไม้นี่ออกกันหมดแทบทุกคน ซึ่งในคอนฯก็เล่นเวอร์ชั่นนี้ที่มีโซโล่ของโทรุ มีท่อนให้แฟนเพลงร้อง มีการแอดลิปของทากะ คือมาครบ ใครชอบเวอร์ชั่นนี้อยู่ต้องฟินมากแน่นอน
แล้วก็จบ 21 เพลง (รวมอินโทรฯและช่วงอินสตรูเม้นท์)
มาค่ะ อีกฮึบเดียวเท่านั้น หลังจากให้แฟนเพลงปรบมือ ส่งเสียงเรียก แล้วทุกคนก็เริ่มทยอยเปิดแสงไฟจากมือถือกัน เราเห็นเค้าเปิดก็เปิดตาม แต่ไม่ได้เปิดกันทั้งฮอลนะ ก็ไม่ได้เต็มฮอลสวยงามซักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้โล่งจนเกิดความรู้สึกแบบ มึงทำอะไรกัน
แล้วเพลงที่เราอยากฟังมากของมากที่สุดก็มาถึง
One Way Ticket: re-arrange ใหม่อีกเพลงให้เป็นกึ่งอคูสติกจ้า สมาชิก 4 คนมาเรียงแถวหน้ากระดานกัน เรียวตะเล่นเปียโน โทรุแม่นางก็เล่นกีตาร์ตามเคย ส่วนโทโมยะก็เล่นกลอง (Small Timpani) คือทุกคนก็เงียบตั้งใจฟังตามเคย แต่อีนี่อึดอัด เพลงที่อยากร้องมากที่สุด ทุกคนดันเงียบ ทนไม่ไหว กลั้นเสียงจนตัวสั่น (อันนี้เวอร์ 55) สุดท้ายก็ร้องคลอโดยไม่องไม่อายทุกคนที่เงียบอยู่แต่อย่างใด
Kanzen Kankaku Dreamer: เพลงนี้ถูกเลือกเป็นเพลงปิดได้แบบ พวกแกจงตายไปพร้อมกับความมันของเพลงนี้!
23 เพลง ใช้เวลาไปเกือบ 3 ชั่วโมง คือโปรดักชั่นดีงามพระราม 8 มากๆ ส่วนการร้องการเล่นสดของทั้ง 4 คนก็ไม่มีตก พลังเยอะกันมากจริงๆ ทากะนี่ทั้งร้อง ทั้งวิ่ง ทั้งกลิ้ง ทั้งโดด แม่งพลังยังไม่ยอมตกเลย ยอมใจนาง! พอจบ 23 เพลง ก็มีถ่ายรูปรวมกับ MONGOL800 และแฟนเพลง ก่อนที่สมาชิกทุกคนจะเดินไปยืนโค้งคำนับให้แฟนเพลงทั้งฝั่งซ้าย ฝั่งขวา และตรงกลาง ซึ่งระหว่างนั้นก็มีโยนไม้กลอง โยนปิ๊กกีตาร์ โยนผ้าเชียร์ให้แฟนเพลงไปเรื่อยๆ แต่ฉันอยู่ไกลจากแรงเหวี่ยงของพวกเธอมากจะพี่จ๋า เลยไม่มีอะไรติดไม้ติดมือกลับมาเลย การตัดสินใจมาดูทัวร์ของวงนี้ที่บ้านเกิดของนางเรียกว่าฟินค่ะ ฟินจนอยากจะมาอีกรอบในวันถัดมา แต่ติดที่ไม่มีเงินให้ซื้อบัตรเพิ่มแล้ว 555
ใครที่ติดตามวงนี้ และคิดว่าดูวงนี้เล่นสดได้หลายๆ รอบ ก็อันเชิญนะคะ แนะนำว่าซักครั้งต้องมาดูรอบทัวร์ที่ญี่ปุ่นให้ได้ แล้วจะอยากมีครั้งต่อๆ ไปเหมือนกับเราแน่นอน นี่ก็แอบอยากจะตามไปดูที่โตเกียวตอนเดือน พ.ย.ที่จะถึงนี้ ที่วงจะเล่นเปิดให้ Linkin Park ใครมีแพลนเหมือนกันทักมาได้ 😉
เดินออกจากฮอลมาด้วยความปลื้มปริ่มพริ้มใจ แล้วก็ออกมาพบกับความเป็นจริงว่ารถบัสหมดไปตั้งแต่ 3 ทุ่มแล้ว และไม่มีรอบเสริม (คอนฯเลิกเกือบสี่ทุ่ม) ตาย!!! เหนื่อยมากนะจ๊ะพี่จ๋า นี่ยังต้องมาลากสังขารเดินหาสายรถบัสที่ยังวิ่งอยู่ด้วยเหรอ สรุปเดินกิโลฯกว่าจนไปเจอสายที่ยังวิ่งเข้าเมืองพอดี พอได้ขึ้นรถบัสปุ๊ปก็เหมือนนิพพาน งานหน้าถ้าจะมาดูที่โอกินาว่าอีกคงต้องหาคนขับรถเป็นมาด้วย จะได้เช่ารถขับให้มันจบๆ กันไป
ตอนนี้ก็ปิดทัวร์ญี่ปุ่นรอบนี้ลงไปเรียบร้อย อัพรีวิวในวันปิดทัวร์พอดี เย้! และใครที่อ่านมาถึงตรงนี้ได้ถือว่าเก่งมากจริงๆ ขอนับถือและโค้งคำนับให้ สำหรับรีวิวนี้ ขอบคุณและสวัสดีค่ะ =/\=
เรื่องและภาพ: ทัศวีร์ เจริญบุรีรัตน์