Silent Love ความรักยิ่งใหญ่ที่แฟนไทยสัมผัสได้ พร้อมกิจกรรม First Screening Event in Thailand
เมื่อการรักใครสักคนทำให้คุณอยากเป็นคนที่คอยเอื้อมมือไปปกป้องคน ๆ นั้น และปรารถนาให้เธอหรือเขาทำตามความฝันได้สำเร็จ ไม่ว่าคุณจะต้องแลกด้วยสิ่งใดก็ตาม เมื่อนั้นเราเชื่อว่าทุกคนรอบตัวจะสัมผัสได้ถึงความรักที่ยิ่งใหญ่ดังกล่าว เหมือนดังเรื่องราวของอาโออิและมิกะในภาพยนตร์เรื่อง “Silent Love สื่อภาษาใจไปถึงเธอ”
โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2024 ที่ผ่านมา ทาง Japan Anime Movie Thailand ก็ได้จัดกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้แฟน ๆ ได้พบกับสองนักแสดงนำระดับแนวหน้าของประเทศญี่ปุ่น อย่าง เรียวสุเกะ ยามาดะ หนุ่มหล่อฟ้าประทาน หนึ่งในสมาชิกวง Hey! Say! JUMP มินามิ ฮามาเบะ นักแสดงสาวระดับพันล้านพวงตำแหน่งดาราสาวที่ฮอตและเซ็กซี่ที่สุด ประจำปี 2023 และผู้กำกับ เออิจิ อุจิดะ ที่มาร่วมสร้างประสบการณ์และความทรงจำให้กับแฟนคลับชาวไทยในกิจกรรม “First Screening Event in Thailand With Silent Love” กันอีกด้วย
ดาโกะเองไม่พลาดชมภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน และเชื่อว่าเบื้องหลังการถ่ายทำต่าง ๆ ที่นักแสดงนำ รวมทั้งผู้กำกับได้บอกเล่ากับสื่อมวลชนในรอบสัมภาษณ์พิเศษนั้นจะทำให้ทุกคนดูภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อรรถรสมากขึ้นอีกระดับอย่างแน่นอน
มินามิ ฮามาเบะ : สวัสดีค่ะ มินามิ ฮามาเบะ ค่ะ ได้มาเมืองไทยเป็นครั้งแรกเลย ถือเป็นประเทศที่มีทั้งอาหารอร่อย ๆ และมีเรื่องสนุกมากมาย เลยรู้สึกเหมือนได้มาพักผ่อนด้วยค่ะ และหวังว่าการเดินทางมาเมืองไทยในครั้งนี้จะช่วยให้คนไทยได้รู้จักกับภาพยนตร์เรื่องนี้มากยิ่งขึ้นค่ะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ
เรียวสุเกะ ยามาดะ : สวัสดีครับ เรียวสุเกะ ยามาดะ ครับ ผมเองเคยเดินทางมาเมืองไทยหลายครั้งแล้ว สำหรับครั้งนี้ที่ได้เดินทางมาโปรโมทภาพยนตร์ ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ได้เข้ามาในโรงภาพยนตร์ของเมืองไทย เลยรู้สึกตื่นเต้นมาก ๆ ครับ คุณภาพของโรงภาพยนตร์ที่ญี่ปุ่นว่าดีแล้ว แต่โรงภาพยนตร์ที่เมืองไทยนั้นเจ๋งกว่าเยอะเลยครับ เลยรู้สึกดีใจและปลาบปลื้มมาก ๆ ที่ภาพยนตร์ที่ผมแสดงได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ที่นี่ครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยครับ (ตั้งแต่ที่เดินเข้ามารอให้สัมภาษณ์กับทางสื่อมวลชน เรียวสุเกะ ยามาดะ มองรอบโรงภาพยนตร์ด้วยสายตาตื่นตาตื่นใจมากจริง ๆ)
เออิจิ อุจิดะ : สวัสดีครับ ส่วนตัวผมเองเคยมาเมืองไทยครั้งแรกเมื่อ 25 ปีก่อน และรอบนี้ที่ได้มาในฐานะผู้กำกับที่ภาพยนตร์ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ที่เมืองไทยนั้น ผมเองรู้สึกดีใจมาก ๆ เลยครับ
คิดว่าเมืองไทยมีส่วนที่เหมือนกันกับภาพยนตร์เรื่องนี้และคิดว่าคนไทยน่าจะอินกับภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ไม่ยาก
－ สำหรับคุณมินามิ ฮามาเบะ ที่ต้องรับบทเป็นคนตาบอดซึ่งเคยมองเห็นมาก่อนแล้วเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้กะทันหันนั้น มีวิธีการในการทำความเข้าใจบทดังกล่าวอย่างไร
มินามิ ฮามาเบะ : สำหรับการรับบทนี้ ฉันเองได้มีโอกาสเดินทางไปหาข้อมูลที่โรงเรียนสอนคนตาบอดมาซึ่งได้รับความรู้จากที่นั่นมาเยอะมาก ๆ ค่ะ หลังจากนั้นจึงมาลองผิดลองถูก มาลองจินตนาการว่าอะไรคือสิ่งที่น่ากลัว อะไรคือสิ่งที่ลำบากสำหรับคนที่มองไม่เห็นในระหว่างที่ถ่ายทำด้วยค่ะ
－ สำหรับคุณเรียวสุเกะ ยามาดะ ที่ต้องรับบท อาโออิ ซึ่งเน้นใช้สายตาและท่าทางนั้น สำหรับบทบาทนี้ คุณยามาดะใช้เวลาในการฝึกฝนนานไหม
เรียวสุเกะ ยามาดะ : สำหรับการฝึกฝนการแสดงบทบาทนี้ ผมใช้วิธีในการปรึกษาผู้กำกับระหว่างที่ถ่ายทำไปด้วย โดยบทบาทนี้เริ่มต้นจากคาแรกเตอร์ที่ดูหดหู่ หม่นหมอง และไม่มีความสุขในชีวิต ก่อนจะได้เจอกับมิกะซึ่งทำให้เขาเหมือนได้พบแสงสว่าง ดวงตาเลยเริ่มมีประกายมากขึ้น เริ่มมีความสุขมากยิ่งขึ้น สิ่งเหล่านี้จึงเป็นสิ่งที่ผมและผู้กำกับปรึกษากันตลอด เพื่อถ่ายทอดออกมาให้เห็นการเปลี่ยนแปลงของตัวละครครับ
－ ประทับใจอะไรในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้
มินามิ ฮามาเบะ : เนื่องจากตอนที่ถ่ายทำเป็นช่วงฤดูร้อน ตอนนั้นอากาศจึงร้อนมาก ๆ และปีนั้นเองยังเป็นปีที่ร้อนเป็นประวัติการณ์ของญี่ปุ่นอีกด้วย อากาศที่ทั้งร้อนทั้งชื้นเลยทำให้เกือบจะเป็นลมในระหว่างถ่ายทำ แต่ก็สามารถผ่านความลำบากเหล่านั้นมาได้ จนกระทั่งภาพยนตร์ได้มาฉายที่ประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศเมืองร้อนเช่นกัน เลยคิดว่ามีส่วนที่เหมือนกันกับภาพยนตร์เรื่องนี้และคิดว่าคนไทยน่าจะอินกับภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ไม่ยากค่ะ
เรียวสุเกะ ยามาดะ : เพราะภาพยนตร์เรื่องนี้มีฉากแอ็คชั่นด้วย โดยระหว่างการถ่ายทำฉากต่อสู้นั้นเป็นการถ่ายทำกันแบบเรียล ๆ ถ่ายบนพื้นคอนกรีตจริง ๆ ทั้งตัวผมเองและนักแสดงทุกคนจึงตั้งใจถ่ายทำกันมาก ๆ ถึงแม้ระหว่างถ่ายทำจะได้แผลกันมาบ้างก็ตาม เลยหวังว่าความตั้งใจนี้จะส่งผ่านไปถึงคนดูทุกคนครับ
เออิจิ อุจิดะ : ที่ผ่านมาไม่ค่อยมีโอกาสได้ร่วมงานกับนักแสดงวัยรุ่นมากนัก ครั้งนี้ที่มีโอกาสได้ร่วมงานกับนักแสดงวัยรุ่นเหล่านี้ถือว่ามีจุดที่ประทับใจหลายจุดเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นการถ่ายทำฉากต่อสู้แบบเรียล ๆ หรือบทบาทที่พูดไม่ได้ของคุณยามาดะ การเล่นเปียโนของคุณฮามาเบะ หลายอย่างถือเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ แต่ทั้งเขาและเธอต่างก็พยายามและตั้งใจจนสามารถถ่ายทอดบทบาทที่ตัวเองได้รับออกมาได้ เลยรู้สึกประทับใจมาก ๆ ครับ
－ ในภาพยนตร์เรื่องนี้ พระเอกมีการใช้กระดิ่งในการนำทางนางเอก ก่อนถ่ายทำมีการซ้อมใช้กระดิ่งไหม และถ้าไม่ใช่กระดิ่งคิดว่าจะใช้อะไรนำทางแทน
เรียวสุเกะ ยามาดะ : ระหว่างถ่ายทำไม่ได้มีการซ้อมใช้กระดิ่งเลยครับ แต่ว่าถ้าหากจะเปลี่ยนกระดิ่งเป็นอย่างอื่นแทน อืม… ที่ไทยมีเครื่องดนตรีที่ให้เสียงคล้าย ๆ กันไหมครับ (สื่อมวลชนแนะนำ “ฉิ่ง”) ครับ คิดว่าฉิ่งเป็นเครื่องดนตรีที่น่าจะใช้แทนกระดิ่งได้ครับ (ยามาดะตอบพร้อมเลียนเสียงของฉิ่ง ฉิง~ ฉิง~)
－ สำหรับบทของนางเอกที่มีปัญหาเรื่องสายตาที่เสื่อมลงกะทันหันนั้น ให้คำแนะนำกับคุณฮามาเบะอย่างไรบ้าง และสิ่งที่ยากในการกำกับคืออะไร
เออิจิ อุจิดะ : เพราะเรื่องของการแสดงนั้นไม่ใช่สิ่งที่บอกหรือสอนกันได้ง่าย ๆ จึงใช้วิธีเป็นการพูดคุยปรึกษากันมากกว่าว่าบทดังกล่าวควรจะออกมาเป็นอย่างไร เป็นการที่ผู้กำกับและนักแสดงช่วยกันคิดมากกว่าครับ และแน่นอนว่าความคิดหรือมุมมองของแต่ละคนนั้นก็แตกต่างกันออกไป จึงต้องมีการพูดคุยเพื่อหาที่จุดที่ลงตัวระหว่างนักแสดงและผู้กำกับ ซึ่งผมค่อนข้างพอใจกับผลที่ออกมามาก ๆ ครับ
เพราะอยากจะสร้างภาพยนตร์ที่ช่องทางในการสื่อสารมีอย่างจำกัดและแตกต่างไปจากสภาพสังคมปัจจุบัน
－ สำหรับคุณเออิจิ อุจิดะแล้ว อะไรคือแรงบันดาลใจในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้
เออิจิ อุจิดะ : คิดว่าทั้งที่เมืองไทยและญี่ปุ่นนั้นคงเหมือนกันที่โซเชียลเน็ตเวิร์กเริ่มแพร่หลายและเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่ช่วง 10 ปีก่อน และในยุคที่มีข้อมูลมากมายและทุกอย่างสามารถค้นหาได้จากอินเตอร์เน็ตนั้น ผมเลยอยากจะสร้างภาพยนตร์ที่ช่องทางในการสื่อสารมีอย่างจำกัดและแตกต่างไปจากสภาพสังคมปัจจุบันครับ
－ คิดว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มีมุมมองความรักที่แตกต่างจากภาพยนตร์เรื่องอื่นอย่างไร
เรียวสุเกะ ยามาดะ : เรื่องราวของภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของความไม่สมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นนางเอกที่มองไม่เห็นหรือพระเอกที่พูดไม่ได้ และเพราะความไม่สมบูรณ์แบบนี้ จึงต้องมีใช้บางสิ่งบางอย่างเพื่อทดแทนสิ่งนั้น เช่น อุณหภูมิของร่างกายหรือการสื่อสารผ่านท่าทาง ซึ่งไม่ค่อยเห็นในภาพยนตร์เรื่องอื่น ๆ มากนัก จึงคิดว่าเป็นจุดเด่นที่แตกต่างไปของภาพยนตร์เรื่องนี้ครับ
มินามิ ฮามาเบะ : ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องราวความรักของหนุ่มสาวอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ เป็นความรู้สึกดี ๆ ที่มีให้กับคนอื่น คิดว่าเป็นภาพยนตร์ที่นำเสนอเรื่องราวที่เป็นมากกว่าความรักค่ะ
－ มีโอกาสได้ร่วมงานกับเรียวสุเกะ ยามาดะและมินามิ ฮามาเบะ เป็นครั้งแรก มีความประทับใจในตัวนักแสดงทั้งคู่อย่างไรบ้าง
เออิจิ อุจิดะ : มีเรื่องราวที่ประทับใจและอยากจะคุยกับนักแสดงทั้งคู่มากมายเลยครับ เพราะช่วงที่ถ่ายทำเป็นช่วงฤดูร้อนที่ร้อนมาก ๆ สุขภาพของผมในช่วงนั้นเลยไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ในระหว่างถ่ายทำพูดอะไรไม่ค่อยออก เลยไม่ค่อยได้พูดคุยสัพเพเหระกับนักแสดงทั้งคู่มากเท่าไรจนถึงตอนนี้ เดี๋ยวจะทยอยพูดคุยและบอกเรื่องราวที่ผมประทับใจกับทั้งคู่ครับ เช่นอาจจะถามว่าการแสดงเป็นยังไงกันบ้าง ภาพยนตร์ที่แต่ละคนชอบเป็นแบบไหน อะไรประมาณนี้ครับ
－ ในระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ มีเรื่องราวน่าประทับใจอะไรที่เล่าให้เราฟังบ้างได้ไหม
มินามิ ฮามาเบะ : ในภาพยนตร์จะมีฉากแอ็คชั่นซึ่งเป็นฉากที่จะต้องมีการคลุกดินคลุกฝุ่นบทพื้นคอนกรีต ทางทีมงานจึงบอกให้ทุกคนใส่เสื้อผ้าสีเข้มมา แต่ปรากฏว่าคุณยามาดะใส่เสื้อสีขาวมาเลยค่ะ
เรียวสุเกะ ยามาดะ : นั่นสินะครับ ผมเองก็จำไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมวันนั้นถึงใส่เสื้อสีขาวมา ส่วนระหว่างการถ่ายทำนั้น ไม่ค่อยมีโอกาสได้คุยกับคุณฮามาเบะเท่าไร แต่มีอยู่วันหนึ่งที่คุณฮามาเบะเดินเข้ามาคุยด้วยและถามผมว่า “รู้ไหมว่าคนตาบอดเขาล้มกันยังไงเหรอ?” นั่นทำผมอึ้งไปสักพักเลยครับ เพราะผมเองก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้กับตัวเองมาก่อน แต่ด้วยประสบการณ์ในการเล่นฉากแอ็คชั่นมาเยอะเลยพอจะเข้าใจวิธีการล้มอยู่บ้าง เลยแนะนำไปตามที่คิด และนั่นเป็นบทสนทนาระหว่างการถ่ายทำที่ผมประทับใจครับ
－ ตอนที่รู้ว่าจะได้เดินทางมาโปรโมทภาพยนตร์ที่เมืองไทยรู้สึกอย่างไร และเตรียมตัวมาอย่างไรบ้าง
มินามิ ฮามาเบะ : ตอนที่รู้ว่าจะได้เดินทางมาโปรโมทที่ประเทศไทย เข้าใจว่าต้องมาทำงาน แต่ยอมรับว่าส่วนตัวรู้สึกเหมือนคนจะได้มาเที่ยว วางแผนนู่นนี่เต็มไปหมด จะกินอะไรดี จะไปเที่ยวที่ไหนดี รู้สึกตื่นเต้นมาก ๆ ค่ะ
เรียวสุเกะ ยามาดะ : ผมเองเดินทางมาประเทศไทยหลายครั้งแล้ว แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เดินทางมาโปรโมทภาพยนตร์ที่ต่างประเทศและเป็นที่ประเทศไทยด้วยเลยรู้สึกดีใจมาก ๆ ครับ นอกจากนั้นยังมีอาหารไทยที่อยากกินมาก ๆ อย่างข้าวมันไก่ โรงแรมมณเฑียรด้วย แต่ดูแล้วอาจจะไม่มีเวลาครับ (พิธีกรบอกว่ามีแบบเดลิเวอลีนะ ทั้งคู่เลยตื่นเต้นมาก ๆ)
เออิจิ อุจิดะ : ส่วนตัวผมมาเมืองไทยบ่อยอยู่แล้ว ล่าสุดเพิ่งมาเมืองไทยเมื่อเดืนที่ผ่านมา และช่วงนี้ดารานักแสดงเมืองไทยกำลังได้รับความสนใจและความนิยมในญี่ปุ่น อย่างคุณไบร์ท วชิรวิชญ์ ชีวอารี ที่ได้ยินชื่อมาหลายครั้งแล้ว เลยรู้สึกอยากร่วมงานด้วยครับ
เพราะคนเราไม่สามารถใช้ชีวิตคนเดียวบนโลกใบนี้ได้ จึงอยากให้ทุกคนที่มาดูภาพยนตร์เรื่องนี้ได้แง่คิดดี ๆ ในการชีวิตร่วมกับคนอื่นกลับไปด้วย
－อะไรคือสิ่งที่ได้เรียนรู้และเข้าใจผู้พิการทางสายตาได้มากขึ้นจากภาพยนตร์เรื่องนี้
มินามิ ฮามาเบะ : ก่อนที่จะถ่ายทำภาพยนตร์ มีโอกาสได้ไปเรียนรู้ที่โรงเรียนสอนคนตาบอดซึ่งทำให้ได้เรียนรู้อะไรมากมายเลยค่ะ ทั้งได้รู้ว่าความบกพร่องทางสายตานั้นมีหลากหลายมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นแบบที่บอดสนิท แบบมองเห็นแต่ขุ่นมัว หรือแบบที่มองเห็นแค่บางส่วน แต่ละคนจึงมีวิธีในการใช้ชีวิตและต่อสู้กับปัญหาเหล่านั้นแตกต่างกันไป ถือว่าได้เรียนรู้มากมายจริง ๆ ค่ะ
เรียวสุเกะ ยามาดะ : ตัวผมเองที่ไม่ได้รับบทเป็นคนตาบอดโดยตรงนั้น การได้แสดงอยู่ใกล้ ๆ กับคุณฮามาเบะที่รับบทเป็นคนที่สูญเสียการมองเห็นจึงทำให้ได้รู้ว่า ถึงแม้คนคนนั้นจะพยายามทำตัวให้เข้มแข็ง สดใส ร่าเริงมากเพียงใด แต่สุดท้ายเธอหรือเขาคนนั้นก็มีมุมที่อ่อนแอและต้องการความช่วยเหลืออยู่ดี และเพราะคนเราไม่สามารถใช้ชีวิตคนเดียวบนโลกใบนี้ได้ ดังนั้นเลยคิดว่าถ้าทุกคนมีเพื่อนหรือได้เจอกับผู้คนที่สูญเสียการมองเห็นอยู่ใกล้ ๆ ตัว แล้วให้ความช่วยเหลือคนเหล่านั้นได้ ช่วยดูแล พยุง และเดินเคียงข้างกันไปก็คงจะดี อยากให้ทุกคนที่มาดูภาพยนตร์เรื่องนี้ได้แง่คิดดี ๆ ในการชีวิตร่วมกับคนอื่นกลับไปใช้ในการดำเนินชีวิตด้วยครับ
เออิจิ อุจิดะ : ผมมีโอกาสได้ไปโรงเรียนสอนคนตาบอดพร้อมกับคุณฮามาเบะด้วย มีโอกาสได้พบเจอกับนักเรียนที่มีปัญหาทางสุขภาพหลากหลายรูปแบบ แต่ถึงแม้จะต้องประสบปัญหาเหล่านั้น พวกเขาก็ยังคงใช้ชีวิตอย่างสดใสร่าเริงได้ จึงทำให้ผมได้รับพลังความสดใสนั้นและได้แรงบันดาลใจหลาย ๆ อย่างจากพวกเขาด้วย เลยหวังว่าทุกคนที่ได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้จะได้อะไรกลับไปจากภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยเช่นกันครับ
－ฉากที่ประทับใจมากที่สุดในภาพยนตร์เรื่องนี้คือฉากไหน
มินามิ ฮามาเบะ : มีหลากหลายฉากเลยค่ะ แต่ฉากที่ชอบที่สุดคงจะเป็นฉากที่มิกะเล่นเปียโนด้วยเพลงที่คุณโจ ฮิซาอิชิ นักประพันธ์บทเพลงที่แต่งเพลงประกอบภาพยนตร์มากมายให้กับสตูดิโอ จิบลิเป็นคนแต่งให้ค่ะ ซึ่งตอนที่ได้ฟังครั้งแรกรู้สึกประทับใจมาก ๆ และรู้สึกว่าเป็นเพลงที่เล่นยาก แต่สุดท้ายก็พยายามจนเล่นเพลงนั้นในฉากดังกล่าวได้เลยรู้สึกชอบฉากนี้ที่สุดค่ะ
เรียวสุเกะ ยามาดะ : ผมประทับใจฉากที่ถูกใช้เป็นภาพโปรโมทในโปสเตอร์ครับ แต่หลายคนอาจจะยังไม่ได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้เลยไม่อย่างสปอยล์อะไรมากนัก เพราะฉะนั้นเลยอยากให้ทุกคนได้มาดูในโรงภาพยนตร์กันครับจะได้รู้ว่าฉากดังกล่าวเป็นฉากแบบไหน
－สุดท้ายนี้ อยากจะฝากข้อความอะไรถึงผู้ชมชาวไทยบ้างไหม
มินามิ ฮามาเบะ : รู้สึกดีใจมาก ๆ ที่ได้มาโปรโมทภาพยนตร์ถึงประเทศไทยค่ะ อยากจะให้คนไทยที่ชื่นชอบการดูหนังได้รู้จักภาพยนตร์เรื่องนี้กันเยอะ ๆ ค่ะ และฉันเองก็จะสนุกไปกับการเมืองไทยในครั้งนี้ให้มาก ๆ จะกินอาหารอร่อย ๆ ดื่มเครื่องดื่มไทยเย็น ๆ และกลับไปอย่างมีความสุขค่ะ ขอบคุณค่ะ
เรียวสุเกะ ยามาดะ : รู้สึกดีใจมาก ๆ ครับที่ได้มาโปรโมทภาพยนตร์ที่เมืองไทย รู้สึกว่าคนไทยให้ความสำคัญกับการดูภาพยนตร์มาก ๆ เพราะโรงภาพยนตร์ที่เมืองไทยนั้นเจ๋งสุด ๆ เลยครับ ดังนั้นจึงอยากให้ทุกคนได้รู้จักภาพยนตร์เรื่องนี้กันเยอะ ๆ ครับ
เออิจิ อุจิดะ : โดยส่วนตัวแล้วผมชอบเมืองไทยมาก ๆ อยากมาเมืองไทยอีกเรื่อย ๆ ถ้าในอนาคตมีโอกาสได้ทำภาพยนตร์เกี่ยวกับเมืองไทยด้วยก็คงจะดี แต่ก่อนจะได้ทำภาพยนตร์ที่ว่าก็หวังว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะประสบความสำเร็จในเมืองไทยด้วย หวังว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะได้รับกระแสตอบรับที่ดีในเมืองไทยครับ
และนี่คือเบื้องหลังกว่าจะมาเป็นภาพยนตร์ที่น่าประทับใจเรื่อง “Silent Love สื่อภาษาใจไปถึงเธอ” ซึ่งต้องยอมรับเลยว่านักแสดงทั้งคู่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึกผ่านทั้งสายตาและท่าทางออกมาได้ดีมาก ๆ ประกอบกับเนื้อเรื่องที่มีจุดสะเทือนอารมณ์หลายจุด cinematography ที่แสงสวยมาก ๆ ในหลาย ๆ ฉากและดนตรีประกอบที่ไพเราะด้วยแล้วยิ่งทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่ง
เรื่องย่อ
เรื่องราวความรักระหว่างอาโออิ (ยามาดะ เรียวสุเกะ) ชายหนุ่มที่ละทิ้งเสียงของเขาไปหลังผ่านเหตุการณ์บางอย่าง และมิกะ (ฮามาเบะ มินามิ) นักศึกษาวิทยาลัยดนตรีที่ความฝันกำลังจบลงเพราะสูญเสียการมองเห็นไปในอุบัติเหตุ อาโออิได้เข้ามาช่วยเหลือและปกป้องเธอจากอันตรายต่าง ๆ เขาปรารถนาให้มิกะได้ทำตามความฝันที่จะเป็นนักเปียโนให้ได้ ด้วยความอ่อนโยนของอาโออิทำให้มิกะเปลี่ยนไป และทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความหวังอีกครั้ง
บรรยากาศแห่งรักจากภาพยนตร์จะอบอวลตลอดทั้งเดือนกุมภาพันธ์อย่างแน่นอน
“Silent Love สื่อภาษาใจไปถึงเธอ”
พร้อมสัมผัสความหมายแห่งรัก 8 กุมภาพันธ์นี้ ในโรงภาพยนตร์
อ่าน “First screening event in Thailand with Yuki Yamada กับการโปรโมทภาพยนตร์เรื่อง “โตเกียว รีเวนเจอร์ส : ฮาโลวีนสีเลือด – ศึกตัดสิน” คลิก
