Special Interview : “Bright” Vachirawit Chiva-aree
จากจุดเริ่มต้นของการตัดสินใจเข้าวงการตั้งแต่ช่วงอายุ 14-15 ปี กับความตั้งใจแรกเริ่มที่อยากจะหารายได้พิเศษและไม่เป็นการรบกวนทางบ้าน จนกระทั่งได้รับโอกาสได้เป็นนักแสดงอย่างเต็มตัวจากซีรีส์ “เพราะเราคู่กัน” ที่ประสบความสำเร็จทำยอดวิวอันดับ 1 บน LINETV ในครึ่งปีแรกของปีนี้ ทั้งยังประสบความสำเร็จในต่างประเทศอีกด้วย Bright
ด้วยเสน่ห์ที่หลากหลายของ “ไบร์ท วชิรวิชญ์ ชีวอารี” ดาโกะฉบับนี้จึงอยากจะชวนคุณผู้อ่านมาทำความรู้จักและเข้าใจนักแสดงหนุ่มคนนี้กันให้มากขึ้นผ่านคำถามทั้ง 19 ข้อต่อจากนี้!
“ไบร์ท วชิรวิชญ์ ชีวอารี” กับบทบาทสารวัตรที่ทำให้ได้เรียนรู้ว่า “คนเราถ้ายิ้มเยอะขึ้น จะมีความสุขมากขึ้น”
ตอนที่รู้ว่าจะได้รับบทนักแสดงนำในในซีรีส์ “เพราะเราคู่กัน” รู้สึกอย่างไรบ้าง
ด้วยความที่ผมมีโอกาสผ่านงานแสดงมาในระดับหนึ่งแล้ว ตอนที่รู้ว่าจะได้รับบทนักแสดงนำเรื่องนี้ สิ่งที่ผมรู้สึกไม่ใช่ความรู้สึกที่ว่าดีใจหรือไม่ดีใจ แต่เป็นเรื่องของการรู้สึกว่าเราจะต้องเตรียมตัวกับการแสดงให้เยอะขึ้นซะมากกว่า ผมรู้สึกว่ามันเป็นงานที่ท้าทาย เพราะด้วยความที่เป็นซีรีส์ที่ทำมาจากนิยายที่มีคนชอบเยอะอยู่แล้ว คนที่รักในตัวสารวัตรก็เยอะ และทุกคนก็จะมีสารวัตรในจินตนาการของตัวเองอยู่ นั่นจึงเป็นสิ่งที่ท้าทายมากๆ ที่เราจะเล่นยังไงให้คนดูแฮปปี้กับสารวัตรในแบบของเรา เพราะผมก็เป็นอีกคนที่อ่านนิยายแล้วก็เคยมีประสบการณ์เช่นกันเวลาที่นิยายที่เราชอบถูกนำมาสร้างเป็นละครหรือภาพยนตร์แล้วออกมาไม่เหมือนกับที่เราจินตนาการไว้ ผมเลยเข้าใจความรู้สึกของคนอ่าน บทบาทนี้เลยถือเป็นสิ่งที่ท้าทายที่ผมจะต้องตอบโจทย์คนที่อ่านนิยายมาก่อนให้ได้ด้วย
ตั้งแต่ได้มารับบทบาท “สารวัตร” ในซีรีส์ “เพราะเราคู่กัน” ได้ประสบการณ์อะไรที่ไม่คิดว่าจะได้รับ หรือมีมุมมองอะไรที่เปลี่ยนไปในการใช้ชีวิตบ้าง
ผมไม่ได้คาดหวังว่าซีรีส์เรื่องนี้มันจะดังมากขนาดนี้ ก่อนหน้านี้ผมมียอดฟอลโลเวอร์ทางอินสตาแกรมอยู่ประมาณ 5 แสน ตอนที่เห็นว่าซีรีส์เรื่องนี้กระแสดีก็แอบคิดว่าจบเรื่องนี้ยอดฟอลโลเวอร์ก็น่าจะแตะหลักล้านเหมือนคนอื่นเขาบ้าง แต่สรุปคือยอดมันเพิ่มไปไกลกว่าที่คิดมาก เลยรู้สึกว่ามันเกินคาดมากๆ ครับ
ส่วนเรื่องมุมมองในชีวิตที่เปลี่ยนไปหลังจากได้รับบทสารวัตรคงเป็นเรื่องที่ผมคิดว่าผม “ทำเยอะขึ้น” การที่ผมได้รับบทสารวัตร ได้ใช้ชีวิตเป็นสารวัตร โดยที่สารวัตรเป็นคนไม่ค่อยพูดแต่ทำเลย ผมไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันคือข้อดีรึเปล่า แต่ผมเห็นว่ามันเวิร์คดี ผมก็เลยดึงจุดนี้มาปรับใช้กับชีวิตจริงของตัวผมด้วย ก็คือไม่พูดเยอะ ถ้าตั้งใจจะทำอะไรแล้วก็ทำให้เห็นเลย
แล้วในการแสดงเรื่อง “เพราะเราคู่กัน” นอกจากการเวิร์คชอปร่วมกันแล้ว มีเทคนิคอะไรที่เป็นเทคนิคส่วนตัวในการสวมบทบาทด้วยมั้ย
เทคนิคส่วนตัวของผมคือเวลาที่ผมใช้ชีวิตประจำวัน ปกติผมจะแอบคิดในอีกมุมมองด้วยว่า แล้วถ้าเป็นตัวละครนี้ เขาจะทำยังไง คือผมกับสารวัตรเป็นคนละคนกันอยู่แล้ว เวลาที่มีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน หลังจากที่เรา take action ของเราเสร็จแล้ว เราก็จะย้อนคิดต่อว่า “แล้วถ้าเป็นสารวัตรล่ะ ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น วัตรจะทำยังไง” มันคือวิธีที่ทำให้ผมได้คอยเช็คคาแรคเตอร์ของผมที่ผมทำอยู่เสมอไม่ว่าจะรับบทแสดงในเรื่องไหนก็ตาม และอีกเหตุผลที่ทำแบบนี้ก็เพื่อจะได้แยกให้ชัดเจนได้ว่า นี่ไบร์ทนะ นี่สารวัตรนะ ไม่อย่างนั้นคาแรคเตอร์ในชีวิตจริงกับคาแรคเตอร์ในบทละครมันอาจจะรวมกันแล้วตีกันไปหมดได้
แล้วถ้าไม่ได้รับบทเป็นสารวัตร มีตัวละครตัวไหนในซีรีส์เรื่องนี้ที่เราอยากเล่นมากที่สุด
บอสครับ! (ไบร์ทตอบคำถามอย่างรวดเร็ว) ผมอยากจะรับบทที่มันตลกเฮฮาดูบ้าง ซึ่งผมทึ่งกับพี่กันสมายมากนะ เขาไม่ได้มีบทเยอะ แต่ทุกครั้งที่เขามีบท เขาได้เข้าซีน หรือแค่เขาได้ยืนอยู่หน้ากล้อง เขาก็จะเต็มที่ของเขามากๆ ซึ่งสุดท้ายคนดูก็เห็นความโดดเด่นของเขาจริงๆ
สำหรับซีนที่ประทับใจมากที่สุดในละครเรื่องนี้ล่ะ
ถ้าซีนที่ประทับใจมากที่สุด จริงๆ แล้วไม่ใช่ซีนของตัวเอง แต่คือซีนของพี่ไมค์กับพี่ท็อปแท๊ป ในเพราะเรา(ยัง)คู่กัน ตอนที่แมนทำเซอร์ไพรซ์ ใส่ชุดฉลาม ทั้งๆ ที่รู้ว่าไทป์ต้องไปทำงานที่ภูเก็ต แต่ก็เข้าใจไทป์ แถม Cheer up ไทป์ด้วย สำหรับผมมันเป็นซีนที่ผมว่ามัน touch น่าประทับใจมากๆ แล้วผมก็เป็นแฟนคลับของคาแรคเตอร์แมนตั้งแต่ภาคแรกแล้ว ผมว่าแมนเป็นคาแรคเตอร์ขี้อ้อนที่น่ารักดี
แต่ถ้าเป็นซีนของตัวเองคงเป็นซีนตอนที่ได้ดูคอนเสิร์ตวง Scrubb กับไทน์ ผมชอบความรู้สึกตอนที่ถ่ายซีนนี้มากๆ คือเราอ่านนิยายมาก่อนแล้วเคยลองนึกภาพซีนที่สารวัตรกับไทน์ยืนดูคอนเสิร์ตด้วยกันเอาไว้ แล้ววันที่ได้ถ่ายซีนนี้ ทุกอย่างทั้งบรรยากาศ ทั้งเพลงสครับบ์ มันทำให้ผมรู้สึกเหมือนกับตัวเองหลุดเข้าไปอยู่ในนิยาย ไปเป็นตัวละครสารวัตรจริงๆ ในนิยาย เหมือนได้เป็นสารวัตรอย่างแท้จริง ก็เลยชอบซีนนี้มากๆ
แล้วตอนที่ถ่ายซีซั่น 2 มีเรื่องที่รู้สึกว่าท้าทายหรือลำบากขึ้นมั้ยกับการรับบทตัวละครเดิมอีกครั้ง
มีทั้งเรื่องที่ง่ายและยากครับ ยากตรงที่ตัวละครโตขึ้น ทางเราและผู้กำกับก็มีการพูดคุยกันว่าในซีซั่น 2 นี้อยากจะให้วัตรมีมุมอื่นๆ บ้าง ไม่ใช่แค่นิ่งอย่างเดียวเหมือนซีซั่นแรก เราก็เลยต้องมีการปรับคาแรคเตอร์และทำให้มันสมเหตุสมผลว่าทำไมวัตรถึงพูดเยอะขึ้น ทำไมวัตรถึงยิ้มมากขึ้น ต้องมานั่งตีความกันและวางแผนกันว่าจะให้วัตรพัฒนาไปในทิศทางไหน เราต้องเล่นออกมายังไง มันก็เลยจะยากตรงจุดนั้น แต่พอตีโจทย์ได้ลงตัวว่าเราจะต้องเล่นแบบนี้นะ วันที่ถ่ายจริงๆ ก็เลยจะง่ายกว่าตอนซีซั่นแรกเพราะว่าเรารู้จักกันหมดแล้วด้วย บรรยากาศในกองถ่ายด้วย หรือจะเป็นความเข้าใจในตัวละครที่มากขึ้นด้วย เพราะฉะนั้นจุดยากจริงๆ ก็คงเป็นพัฒนาการของตัวละครที่เราต้องทำความเข้าใจก่อนถ่ายนี่แหล่ะ
รู้สึกยังไงบ้างตอนที่ได้ข่าวว่าซีรีส์เรื่อง “เพราะเราคู่กัน” ติดเทรนด์ทวิตเตอร์ของญี่ปุ่นด้วย
จริงเหรอครับ? ที่จริงผมรู้ว่ามีแฟนคลับอยู่บ้าง แต่ก็ไม่รู้ว่ามีขนาดไหน ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าติดเทรนด์ทวิตเตอร์ของญี่ปุ่นด้วย ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีใจนะครับ รู้สึกว่าถ้าที่นั่นมีคนรู้จักเราด้วยก็ดีใจครับ เพราะจริงๆ ผมชอบประเทศญี่ปุ่นอยู่แล้ว ถ้ามีโอกาสได้ไปทำงานก็น่าจะสนุกดี อยากไปเที่ยวด้วย แบบไม่มีงานก็อยากไปอยู่ดี อยากไปมากกกก
คิดว่าเราได้บรรลุเป้าหมายอะไรบ้างสำหรับชีวิตการเป็นนักแสดง หลังจากที่ได้รับบทนักแสดงนำเรื่อง “เพราะเราคู่กัน”
อันที่จริงผมไม่ได้ตั้งเป้าหมายอะไรไว้มากนัก ผมแค่รู้สึกว่าต้องทำให้เต็มที่ แต่การที่ได้มีผลงานซักเรื่องที่พอพูดถึงปุ๊บคนจะจดจำเราได้ อย่างเรื่อง “เพราะเราคู่กัน” ที่คนจำผมได้ จำวินได้ ผมก็ถือว่าผมประสบความสำเร็จแล้วนะ
แล้วผลงานเรื่อง “เพราะเราคู่กัน” เป็นผลงานที่มีความหมายอย่างไรในชีวิตการแสดงของไบร์ทบ้าง
มีความหมายมากครับ ถ้านับถึงตอนนี้ก็คือเป็น Best part in my life เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในอาชีพนักแสดงเลยก็ว่าได้ เพราะตอนที่ถ่ายซีรีส์ กองถ่ายก็เป็นกองที่บรรยากาศดี ได้เพื่อนเยอะ แล้วตั้งแต่ตอนถ่ายจนกระทั่งตอนที่ซีรีส์ลงจอฉายก็คือแฮปปี้ตลอด เป็นช่วงเวลาดีๆ ช่วงหนึ่งในชีวิตครับ
ในส่วนของการเป็นนักแสดง รู้สึกว่าบทบาทไหนที่ท้าทายและอยากลองเล่นมากที่สุด
บทบาทที่ท้าทายก็คงเป็นบทธาม ในเรื่อง F4 ที่ผมต้องรับบทเนี่ยแหล่ะครับ แต่จะท้าทายยังไงก็ฝากรอติดตามดูกันด้วยนะครับ
ส่วนถ้าเป็นบทที่อยากจะลองเล่นมากที่สุดคงเป็นบทเชอร์ล็อก โฮล์มส์ ผมเคยดูหลายๆ เวอร์ชั่นแล้วผมรู้สึกว่าคาแรคเตอร์เชอร์ล็อก โฮล์มส์เป็นคาแรคเตอร์ที่ฉลาดแต่ก็มีความแปลก ความ weird ด้วย เป็นคาแรคเตอร์ที่ทำให้เรารู้สึกอยากติดตาม อยากรู้ว่าเขาจะทำอะไรต่อ ผมชอบแบบเวลาที่อยู่ในเหตุการณ์ปกติแต่ดูไม่ปกติ แล้วคนดูก็ต้องรอลุ้นรอดูว่าคาแรคเตอร์นี้เขาจะทำอะไรต่อ ผมเลยคิดว่ามันน่าดูและเป็นบทที่อยากลองเล่นครับ
แล้วมีละคร ภาพยนตร์ที่ชื่นชอบ หรือนักแสดงคนไหนมั้ยที่เป็นแรงบันดาลใจในการทำงาน
ถ้าภาพยนตร์ที่ชอบก็คือเรื่อง Joker ที่วาคีน ฟีนิกซ์เล่น ผมรู้สึกว่ามันเป็นแรงผลักดันให้กับเรา เพราะเรารู้สึกว่าเรายังห่างจากจุดนั้นอยู่อีกไกล ก็เลยเหมือนเป็นเป้าหมายที่เราอยากจะแสดงได้เก่งแบบนั้นบ้าง ส่วนนักแสดงก็คงเป็นคริสเตียน เบล คือไม่ว่าเขาจะเล่นเรื่องไหน เขาจะสวมความเป็นคาแรคเตอร์นั้นได้จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของบทบาทการแสดงและในเรื่องทางกายภาพด้วย แบบถ้าต้องอ้วนก็อ้วนได้ ต้องเฟิร์มก็เฟิร์มได้ ชอบที่เขามีความเป็นมืออาชีพในการทำงานมากๆ และทำออกมาได้ดีตลอด ผลงานของเขาที่ผมชอบมากที่สุดก็คือ American Psycho ครับ
ต่อจากนี้อยากเป็นนักแสดงที่มีความสุขครับ
เราพบคุณค่าอะไรที่ได้จากการเป็นนักแสดงที่นับว่าประสบความสำเร็จแล้วในระดับหนึ่ง คิดว่าชื่อเสียงที่ว่านี้ส่งผลต่อเรายังไงบ้าง
ผมรู้สึกว่าตัวเองสามารถพัฒนาให้เก่งได้มากกว่านี้ อยากจะพัฒนาตัวผมเองไปเรื่อยๆ คือเราก็รู้สึกยินดีที่คนชื่นชอบ รู้สึกภูมิใจที่เรามาถึงตรงนี้ได้ แต่ถ้าถามว่าเราพอใจกับการแสดงของเรามั้ย ผมรู้สึกว่าเรายังสามารถพัฒนาได้อีกเรื่อยๆ ผลงานเรื่องเพราะเราคู่กันเป็นผลงานที่ทำให้เราแฮปปี้มากก็จริง แต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าเราพอแล้ว ผมว่าผมสามารถพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นได้อีก มองว่าซีรีส์เรื่องเพราะเราคู่กันเป็นอีกแรงผลักดันที่ทำให้ผมอยากจะเก่งขึ้นไปอีกมากกว่า
ส่วนข้อดี-ข้อเสียจากการที่มีชื่อเสียงมากขึ้นในอาชีพนักแสดง ผมว่าข้อดีก็คือ มีคนรู้จักเรามากขึ้น เราไปไหนก็มีคนยิ้มแย้มต้อนรับ เวลาที่เราได้เจอแฟนคลับ เราก็รู้สึกดีใจที่ได้เจอพวกเขา ข้อเสียก็คงเป็นเรื่องความเป็นส่วนตัวที่มันก็ส่งผลดีด้วย คือทำให้เรารู้จักดูแลตัวเองมากขึ้น เมื่อก่อนเวลาหิวข้าว ก็อาจจะใส่เสื้อกล้าม กางเกงขาสั้น แล้วปั่นจักรยานออกไปซื้อข้าวกิน แต่พอมีคนรู้จักเรามากขึ้น เราก็ต้องดูแลตัวเองให้มากขึ้น ก็ไม่เชิงว่าเป็นข้อเสียนะครับ
แล้วต่อจากนี้ อยากเป็นนักแสดงแบบไหน
เป็นนักแสดงที่มีความสุขครับ ทำงานที่มีความสุข ได้เล่นบทที่ชอบ บทที่เราเอนจอยกับมัน รู้สึกแฮปปี้ที่จะเล่นครับ
เกี่ยวกับเรื่องส่วนตัว นอกเหนือไปจากการแสดง มีงานอดิเรกอะไรที่ชอบทำบ้าง
โหยยย เยอะมากเลยครับ ผมเป็นมนุษย์กิจกรรม เช่น เล่นดนตรี กีฬาอย่างเตะบอล ต่อยมวย ถ่ายรูป ร้องเพลง ทำเพลง อ่านหนังสือ ดูหนัง เล่นเกม เยอะ! (หัวเราะ)
ถ้ามีวันหยุดพักผ่อน อยากทำอะไร หรือไปเที่ยวที่ไหนมั้ย
ถ้ามีวันหยุดสั้นๆ ก็อยากจะอยู่ห้อง เล่นกับแมว เพราะกิจกรรมที่ผมชอบทำส่วนใหญ่ก็จะทำที่ห้องได้ แต่ถ้ามีโอกาสได้หยุดยาวและไม่นับว่าอยู่ในช่วงโควิด ก็อยากจะไปอเมริกาครับ อยากไปอยู่ซักเดือน เพราะผมยังไม่เคยไป แต่ว่ามีบ้านอยู่ที่นู่น อยากไปเยี่ยมญาติฝั่งโน้นด้วย ก็เลยอยากจะไปเที่ยวแล้วอยู่นานๆ เลย
แล้วมีความชื่นชอบหรือความสนใจอะไรเกี่ยวกับญี่ปุ่นมั้ย
จริงๆ ผมชอบกินอาหารญี่ปุ่นมากที่สุดในบรรดาอาหารทุกชนิด แล้วผมก็ชอบการ์ตูนญี่ปุ่นมากๆ รูปหน้าจอโทรศัพท์ยังเป็นการ์ตูนญี่ปุ่นเลย (พร้อมยื่นหน้าจอโทรศัพท์มาให้เราดู) คือไม่ได้ชอบเรื่องไหนเป็นพิเศษนะ ชอบลายเส้นการ์ตูนแบบญี่ปุ่น ชอบงานที่ฟีลแบบ aesthetic มีความสุนทรียะ แล้วก็ชอบบรรยากาศของประเทศญี่ปุ่น ผมรู้สึกว่าไม่มีประเทศไหนบนโลกให้ความรู้สึกเหมือนตอนไปเที่ยวญี่ปุ่น คือมันมีความเป็นเอกลักษณ์สูง ทั้งบรรยากาศ สถานที่ ผู้คน ถ่ายรูปตรงไหนก็สวย สาเหตุที่ผมอยากกลับไปเที่ยวญี่ปุ่นอีกก็เพราะผมอยากกลับไปเดินถ่ายรูปเล่นเนี่ยแหล่ะ
เมืองไหนในญี่ปุ่นที่เราเคยไปมาแล้วบ้าง
ผมเคยไปโตเกียวกับโอซาก้าครับ ไปเที่ยวหลายที่อยู่เหมือนกัน อย่างชิบุย่าก็ไปเดินเที่ยวอยู่หลายวัน ส่วนที่ประทับใจที่สุดเลยก็คืออควาเรียมที่โอซาก้า (Osaka Aquarium Kaiyukan) ผมเดินอยู่ในนั้นซักพักหนึ่งเลยล่ะ แล้วก็พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติและวิทยาศาสตร์แห่งชาติที่โตเกียว ผมชอบเข้าพิพิธภัณฑ์ ชอบเดินถ่ายรูป เดินมองเมือง สวนสัตว์อุเอะโนะก็ชอบ ผมไป 2 วันเลยนะ เวลาไปประเทศไหน ผมมักจะชอบไปสวนสัตว์ของที่นั่น อยากไปดูว่าแต่ละประเทศเขามีสัตว์อะไรในสวนสัตว์บ้าง
อาหารญี่ปุ่นที่ชอบล่ะ มีเมนูไหนบ้าง
ชอบทุกอย่างเลยครับ ราเมงผมก็ชอบ แกงกะหรี่ ซูชิ ซาชิมิ สเต๊กเนื้อ วากิว ก็คือทุกอย่าง อาหารส่วนใหญ่ที่ผมชอบก็คือเป็นอาหารญี่ปุ่นทั้งนั้นเลย แต่ถ้าเป็นเมนูอาหารไทยที่ผมชอบก็คือไข่พะโล้ ชอบกินมากๆ แต่หลังๆ กินไม่ได้แล้ว เพราะไปตรวจเจอว่าตัวเองแพ้ไข่ขาวกับนม แต่ไข่แดงยังกินได้อยู่นะ อย่างฝอยทองผมก็กินได้
ข้อสุดท้ายแล้ว ฝากผลงานให้แฟนๆ ได้ติดตามกันหน่อย
ช่วงปลายปีนี้มีงานหลายงานเลย ทั้งงาน “คั่นกู 2gether Live On Stage” ที่จะมีวันที่ 17-18 ตุลาคมนี้ที่ยูเนี่ยน ฮอลล์ แล้วก็งาน “ไทยประกันชีวิต Presents FANTOPIA” วันที่ 21-22 พฤศจิกายนที่อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี และงาน “Big Mountain Music Festival ครั้งที่ 11” วันที่ 12-13 ธันวาคม ที่ The Ocean เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา ส่วนรายการก็จะมีโตแล้ว ซีซั่น 2 “โตแล้ว…เป็นคนทุกที่” รายการท่องเที่ยวทั่วเมืองไทยที่เริ่มฉายไปเมื่อ 26 กันยายนที่ผ่านมา ทุกวันเสาร์ 10.00 น. ทางช่อง GMM25 แล้วก็รายการ “Bright – Win Inbox” รับชมได้ทาง YouTube | LINE TV : GMMTV ทุกวันอังคารสิ้นเดือนครับ สำหรับงานส่วนตัวก็ขอฝากแบรนด์เสื้อผ้า “Astro” และสุดท้ายเลยฝากติดตามผลงานซีรีส์เรื่องใหม่ “F4 Thailand” ที่ผมรับบทเป็นธามด้วยนะครับ
ติดตามและเป็นกำลังใจให้ “ไบร์ท วชิรวิชญ์ ชีวอารี” ได้ทาง
Instagram : @bbrightvc / @isawitbefore
“คั่นกู 2gether Live On Stage”
วัน : 17-18 ตุลาคม 2563
สถานที่ : ยูเนี่ยน ฮอลล์ ศูนย์การค้ายูเนี่ยน มอลล์
เว็บไซต์ : www.vlive.tv/product/ds00u00u00000257
“ไทยประกันชีวิต Presents FANTOPIA”
วัน : 21-22 พฤศจิกายน 2563
สถานที่ : อิมแพค อารีน่า เมืองทองธานี
เว็บไซต์ : www.thaiticketmajor.com/concert/fantopia-2020.html
“Big Mountain Music Festival ครั้งที่ 11”
วัน : 12-13 ธันวาคม 2563
สถานที่ : The Ocean เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา
เว็บไซต์ : www.bigmountainmusicfestival.com
Facebook : www.facebook.com/bigmountainmusicfestival
รายการ “โตแล้ว…เป็นคนทุกที่”
ทุกวันเสาร์ เวลา 10.00 น. ทางช่อง GMM25
Facebook : www.facebook.com/toelaew
รายการ “Bright – Win Inbox”
ทุกวันอังคารสิ้นเดือน ทาง YouTube และ LINE TV : GMMTV
เว็บไซต์ : www.gmm-tv.com/contents/playlist/7jVA7
F4 Thailand
ไบร์ทรับบทเป็นธาม
กำหนดฉายปี 2564
แบรนด์เสื้อผ้า “Astro”
เว็บไซต์ : https://astro-stuffs.com
Instagram : www.instagram.com/astrostuffs
สัมภาษณ์และเรียบเรียงโดย : กองบรรณาธิการนิตยสารดาโกะ (DACO)
ช่างภาพ : Mr.Phuchiss Preechabhan
ช่างแต่งหน้า : By_Sherbet
ช่างทำผม : Yo_hairstylist
อ่าน Special Interview : THE RAMPAGE from EXILE TRIBE คลิก
