“แสตมป์ – อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข” (Stamp – Apiwat Eauthavornsuk)
ศิลปินไทยที่มีผลงานข้ามประเทศกับค่ายเพลงดังในญี่ปุ่นอย่าง AVEX
ในเดือนมกราคม ค.ศ.2020 แสตมป์ – อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข (Stamp – Apiwat Eauthavornsuk) มีโอกาสได้ร่วมงานกับ SKY-HI และปล่อยเพลง Don’t Worry Baby Be Happy feat.STAMP ออกมาให้แฟน ๆ ชาวญี่ปุ่นได้ฟังกัน และนั่นก็เป็นโอกาสให้คนญี่ปุ่นได้ทำความรู้จักกับนักร้องที่มีเสียงอ่อนโยนและอบอุ่นคนนี้ ก่อนที่แสตมป์จะมีโอกาสได้เป็นหนึ่งในศิลปินในสังกัด AVEX และกำลังจะมีผลงานเพลงซิงเกิลที่ 4 ในชื่อเพลง “Move on” ปล่อยออกมาให้ฟังกันในเดือนสิงหาคมนี้อีกด้วย
การที่มีโอกาสได้ทำเพลงปล่อยในญี่ปุ่นมันเหมือนกับความฝันในวัยเด็กได้ถูกปลดปล่อยแล้วแบบนั้นเลยล่ะ
Q: ช่วยเล่าถึงจุดเริ่มต้นที่ทำให้ได้ร่วมงานกับทางค่ายเพลงญี่ปุ่นให้ฟังหน่อยค่ะ
A: เมื่อปี ค.ศ.2016 ผมมีโอกาสได้เดินทางไปแสดงดนตรีที่ Live House แห่งหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นผู้ชมส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนไทยที่อยู่ญี่ปุ่น ผมติดใจบรรยากาศการเล่นดนตรีที่ไลฟ์เฮ้าส์ในครั้งนั้นมาก ๆ และปกติผมก็เดินทางไปญี่ปุ่นบ่อยอยู่แล้ว ประมาณเดือนละครั้งหรือสองเดือนครั้ง ก็เลยมีโอกาสได้ไปแสดงดนตรีที่ไลฟ์เฮ้าส์บ่อย ๆ เลยทำให้มีโอกาสได้เจอกับคนในวงการเพลงที่ญี่ปุ่น ทั้งที่มาดูผมเล่นบ้าง หรือเป็นผู้จัดการที่มาคุมวงดนตรีที่เล่นเป็นวงเปิดในงานที่ผมขึ้นเล่นบ้าง ก็เลยได้มีโอกาสเซ็นสัญญาออกอัลบั้มกับทางค่าย TOY’S FACTORY แล้วก็ได้ขึ้นเล่นที่เทศกาลดนตรี SUMMER SONIC ในปี ค.ศ.2019 ก่อนจะค่อย ๆ ต่อยอดมาเรื่อย ๆ จนมีโอกาสได้ร่วมฟีทเจอร์ริ่งและเป็นแขกรับเชิญในคอนเสิร์ตของ SKY-HI จึงมีโอกาสได้รู้จักและคลุกคลีกับทีมงานจาก AVEX และมีโอกาสได้มาเป็นศิลปินในสังกัด AVEX ในที่สุดครับ
Q: ความรู้สึกตอนที่เริ่มทำเพลงเพื่อให้คนญี่ปุ่นฟังเป็นอย่างไรบ้าง มีวิธีในการแต่งเพลงอย่างไร
A: ด้วยความที่ผมชอบฟังเพลงญี่ปุ่น ชอบฟัง J-POP อยู่แล้ว พอมีโอกาสได้มาทำเพลง เลยดึงเอาความชอบตรงนี้ออกมาใช้ให้เป็นประโยชน์ เพราะวงการเพลงญี่ปุ่นมีความหลากหลายมาก ๆ และแต่ละวงก็มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง อย่างแนวเพลงญี่ปุ่นที่เราชอบฟัง แต่ไม่กล้านำเสนอให้คนไทยฟัง ก็ลองดึงจุดนี้มาใช้ในการทำเพลง ซึ่งสำหรับตัวผมเองที่ชื่นชอบญี่ปุ่นมาตั้งแต่เด็ก เติบโตมาในช่วงที่ J-Rock และ J-Pop โด่งดังในประเทศไทย การที่มีโอกาสได้ทำเพลงปล่อยในญี่ปุ่นมันเหมือนกับความฝันในวัยเด็กได้ถูกปลดปล่อยแล้วแบบนั้นเลยล่ะครับ
Q: การได้เป็นศิลปินในค่าย AVEX ซึ่งเป็นค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ในญี่ปุ่นให้ประสบการณ์อะไรบ้าง
A: ถึงแม้ผมจะทำเพลงมาแล้ว 3 เพลง แต่ว่าการทำงานนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นการทำงานร่วมกันผ่านทางออนไลน์ ยังไม่มีโอกาสได้เจอกันเลย เพราะตอนที่เริ่มทำเพลงแรกก็เป็นช่วงเดือนมีนาคม ค.ศ.2020 ที่โควิด-19 กำลังเริ่มระบาดหนักพอดี การทำงานกับทางทีมญี่ปุ่นเลยเป็นการทำงานผ่านออนไลน์ทั้งหมด ซึ่งผมก็รู้สึกว่าทางค่ายจริงจังและทุ่มเทกับผมมากนะ พยายามหาศิลปินญี่ปุ่นดัง ๆ มาร่วมงานกับเราเรื่อย ๆ เลย ให้โอกาสเราเยอะมาก ๆ อย่างผลงานเพลงล่าสุดก็ได้วง Awesome City Club วงที่กำลังมาแรงมาก ๆ ที่ญี่ปุ่นมาร่วมฟีทเจอร์ริ่งด้วย
แบบทีมงานเขาทุ่มเทกับเรามากจริง ๆ อย่างเพลงล่าสุดที่ถ่ายเอ็มวีด้วยกันไม่ได้ ก็ใช้วิธีถ่าย Blue Screen, Green Screen กัน แล้วทางผู้กำกับก็ google meet คุยกับเราตลอด ช่วยจัดมุมให้เรา เพื่อให้สามารถนำวิดีโอไปประกอบกันที่ญี่ปุ่นได้ ซึ่งตอนถ่ายเอ็มวีใช้เวลา 3 – 4 ชั่วโมง ทางผู้กำกับก็ออนไลน์คุยกับทางเราตลอด หรือตอนที่ถ่ายเอ็มวีเพลงที่ร่วมงานกับ SKY-HI ทางเราก็ถ่ายรูปสถานที่ส่งไปให้เขาดูก่อน เขาก็ดูละเอียดมาก ดูว่าตรงไหนมีอะไร แล้วก็เสนอมาให้เราถ่ายตรงบันไดได้มั้ย จะได้เหมือนถ่ายสถานที่เดียวกัน เขาใส่ใจรายละเอียดมากครับ
ส่วนในเรื่องเพลง ทางค่ายก็ปล่อยให้เราทำเต็มที่และให้เกียรติเรามากในการตัดสินใจ เรื่องอื่น ๆ ก็คงจะเป็นเรื่องมารยาททางสังคมที่ทางคนญี่ปุ่นจะใส่ใจรายละเอียดสุด ๆ ตอนที่มีโอกาสได้เดินทางไปที่นู่น พอจะไปกินข้าวกัน เขาก็จะถามรายละเอียด อย่างใครกินอะไรไม่ได้บ้าง ใครแพ้อะไรมั้ย ไปกันกี่คน กินกี่คน เป็นต้น
Q: ช่วยเล่าประสบการณ์ในการ feat. กับศิลปินญี่ปุ่น อย่าง SKY-HI และ chelmico ให้ฟังหน่อย
A: ผมมีโอกาสได้ทำเพลงกับ SKY-HI จำนวน 2 เพลงด้วยกัน คือ เพลงแรกที่ผมไปร่วมฟีทเจอร์ริ่งในเพลงของเขา และอีกเพลงที่เขามาร่วมฟีทเจอร์ริ่งในเพลงผม ก็รู้สึกว่าเขาเป็นคนคล้าย ๆ ผมนะ คือ คิดอะไรได้ก็ทำเลย อย่างเพลงแรกที่ทำด้วยกัน คือตอนที่เขามาถ่ายแบบที่เมืองไทย เขาหาห้องอัดเสียง แล้วมีคนแนะนำให้มาอัดที่ค่ายผม ซึ่งเรามีโอกาสได้เจอกับเขาที่ห้องอัดเสียง และวันที่เจอกันเขาก็เอาแทร็คมาเปิดเลย พอถึงท่อนฮุค เขาก็บอกให้ผมลองเข้าไปร้องดู ทั้ง ๆ ที่ตอนแรกไม่ได้คุยกันไว้เลยนะว่าจะทำเพลงด้วยกัน (หัวเราะ) และพอเราลองร้อง ทางเขาก็ชอบ ก็เลยออกมาเป็นเพลง Don’t Worry Baby Be Happy
หลังจากนั้น ผมก็ได้มีโอกาสได้ไปคอนเสิร์ตของเขา ซึ่งตอนนั้นคอนเสิร์ตมี 2 วัน วันแรกเป็นแนว DJ เปิดแผ่น วันที่สองเป็นดนตรีเล่นสด แล้วทั้งสองวันมีคนมาเต็มฮอล ซึ่งผมรู้สึกว่าความเป็น Royalty ที่สูงมาก ๆ ของแฟนเพลงเขานั้นมันเต็มเปี่ยมมาก ๆ จนผมเองก็รู้สึกมีความสุขไปด้วย คือแบบศิลปินสามารถเป็นตัวเองได้เต็มที่มาก คือวันหนึ่งจะเป็นฮิปฮอปแบบเต็มตัวก็ได้ ส่วนอีกวันจะวงดนตรีสด มีดนตรีแจ๊สก็ได้ คนฟังค่อนข้างเปิดใจแล้วก็ยินดีมาทดลองฟังในสิ่งที่เขาอยากนำเสนอ ซึ่งตอนนั้นผมได้เป็นแขกรับเชิญด้วย และตอนนั้น เพลงที่ผมเล่นยังไม่ได้ถูกเปิดตัวหรือปล่อยออกมา แต่คนฟังก็เอนจอยและเปิดใจมาก ๆ เลยครับ
ส่วน chelmico ผมเองยังไม่ได้มีโอกาสได้เจอพวกเธอเลย ทำงานออนไลน์กันอย่างเดียว แต่การทำงานครั้งนี้ก็ทำให้ผมได้รู้จักโปรแกรมอัดเสียงตัวหนึ่งที่สามารถได้ยินเสียงจากห้องอัดที่ญี่ปุ่นแบบชัด 100% ด้วย โดนปกติแล้ว ในการทำเพลง ผมจะเปิดโอกาสให้ศิลปินแต่ละคนได้ทำตามที่พวกเขาอยากทำ พอผมได้ฟังก็รู้สึกว่ามันออกมาดีกว่าที่ผมคาดมาก ๆ ครับ แต่จริง ๆ ก็อยากให้สถานการณ์ดีขึ้นเร็ว ๆ จะได้บินไปที่ญี่ปุ่น ได้เจอหน้าเจอตากัน และมีโอกาสได้เล่นคอนเสิร์ตด้วยกันครับ
ผมที่โตมาในยุค 90 ผมว่าเด็กแทบทุกคนในยุคนั้นเติบโตมากับวัฒนธรรมญี่ปุ่นกันเลยแหละ
Q: พี่แสตมป์มีความสนใจในวัฒนธรรมป๊อบ (Pop Culture) ของญี่ปุ่นอยู่แล้ว ช่วงนี้ชอบหรือให้ความสนใจด้านไหนเป็นพิเศษ
A: สำหรับผมที่โตมาในยุค 90 ผมว่าเด็กแทบทุกคนในยุคนั้นเติบโตมากับวัฒนธรรมญี่ปุ่นกันเลยแหละ เพราะตอนนั้นกระแสญี่ปุ่นเบ่งบานในประเทศไทยมาก ๆ ถึงแม้จะยังไม่มีอินเตอร์เน็ต แต่สื่อทีวีก็จะมีช่องที่นำเสนอการ์ตูนญี่ปุ่น รายการวาไรตี้ญี่ปุ่น อย่าง “คู่หูคู่ฮา” หรือ “โหด มัน ฮา” แล้วผมเองก็ชอบอ่านมังงะ อย่าง Slam Dunk, Dragon Ball และชอบดูอนิเมะ รวมทั้งเล่นเกมญี่ปุ่นมาก ๆ เรียกว่าเป็นยุคที่ญี่ปุ่นมีอิทธิพลมาก ๆ
จนกระทั่งกระแสเพลงญี่ปุ่นได้เริ่มเข้ามาผ่านช่องโทรทัศน์ไทย อย่าง ITV ที่เริ่มนำละครหรือซีรีส์ญี่ปุ่นเข้ามาฉาย เราเลยมีโอกาสได้ดูและซึมซับดนตรีญี่ปุ่นจากช่องทางนี้ แล้วก็เป็นช่วงที่ X-Japan ดัง ก็เลยเริ่มฟังเพลงญี่ปุ่นมาตั้งแต่ตอนนั้น ถ้ากระแส J-Rock ที่คนไทยชื่นชอบตอนนั้น นอกจาก X-Japan ก็คงจะเป็น GLAY, L’Arc-en-Ciel, Luna Sea ส่วนถ้าเป็น J-Pop ก็จะเป็น Johnny’s Jr. ส่วนผมเองชอบฟังเพลงของ Aiko นี่พอได้พูดถึงเรื่องราวในยุคนั้นก็รู้สึกมีความสุขมาก ๆ ครับ (หัวเราะ)
แล้วพอเข้ามหาวิทยาลัยก็มีโอกาสได้รู้จักวงอินดี้ญี่ปุ่นแล้วรู้สึกชอบมาก ๆ อย่างตอนที่ Cornelius มาเล่นที่ไทย ตอนนั้นรู้สึกเหมือนได้เปิดโลกทัศน์ให้กับตัวเองเลยครับ เหมือนเป็นการเตือนตัวเองว่าดนตรีนั้นสามารถเป็นอะไรก็ได้ รูปแบบไหนก็ได้ ก็เลยฟังเพลงอินดี้ญี่ปุ่นมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่ตอนนั้นด้วย
Q: ศิลปินญี่ปุ่นที่ชื่นชอบหรือเพลงญี่ปุ่นที่ชอบฟังในช่วงนี้
A: ถ้าช่วงนี้ผมก็อยากจะแนะนำเป็นวง Awesome City Club ครับ เป็นวง J-Pop สมัยใหม่ ที่พอได้ฟังแล้วทำให้ผมรู้สึกเหมือนช่วงที่ผมอยู่มหาวิทยาลัย ช่วงที่อินดี้ญี่ปุ่นกำลังเบ่งบานเลยครับ ตอนนี้ทางวงมีเพลงที่กำลังดังมาก ๆ คือเพลง 勿忘 ซึ่งเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง 花束みたいな恋をした ด้วย เป็นเพลงที่เพราะมาก ๆ อยากให้ทุกคนได้ลองฟังกันดูครับ
Q: การเรียนภาษาญี่ปุ่นเป็นอย่างไรบ้าง มีอะไรเป็นแรงบันดาลใจในการเรียน
A: ผมได้เรียนภาษาญี่ปุ่นพื้นฐานเล็กน้อยครับ ตอนแรกเริ่มเรียนที่วาเซดะ แต่พอช่วงโคโรน่า ต้องเรียนออนไลน์ก็เลยเรียนกับทาง Jeducation แต่เรียนได้สักพักผมก็ติดโควิดพอดีครับ เลยต้องพักเรื่องเรียนไป การสื่อสารด้วยภาษาญี่ปุ่นเลยยังไม่คล่องมาก ช่วงที่ได้เดินทางไปญี่ปุ่นบ่อย ๆ ก็จะพอสื่อสารได้ แต่พอไม่ค่อยมีโอกาสได้ใช้ก็ลืมไปบ้างครับ (หัวเราะ) ในการทำงานส่วนใหญ่เลยจะใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก ส่วนตอนประชุมออนไลน์ก็จะมีล่ามที่คอยช่วยในเรื่องการสื่อสาร ซึ่งล่ามก็เป็นคนไทยที่เราบังเอิญได้รู้จักกับเขาตอนที่ไปเล่นที่ไลฟ์เฮ้าส์ที่ญี่ปุ่น แล้วเขามาดูผมเล่นด้วย ซึ่งวันนั้นเขาอยู่หน้าสุด ติดเวทีพอดี ช่วงที่ผมอยากสื่อสารกับคนฟัง เลยชวนเขาขึ้นมาบนเวทีให้ช่วยแปลสิ่งที่ผมอยากสื่อสารให้คนฟังญี่ปุ่นฟังหน่อย ก็เลยได้ติดต่อกันมาตั้งแต่ตอนนั้น แล้วก็ได้เขามาช่วยเป็นล่ามในการทำงานให้ครับ อย่างตอนที่ไปออกรายการ スッキリ! ก็ได้เขาช่วยเป็นล่ามให้ครับ
Q: สุขภาพตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง มีวิธีดูแลสุขภาพอย่างไรบ้างในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19
A: อย่างที่ทราบกันดีว่าผมเป็นคนกลุ่มแรก ๆ ที่ติดโควิดในประเทศไทยครับ อาการตอนนี้ก็หายดีค่อนข้าง 100% แล้ว ไม่มีอาการเหนื่อย ร้องเพลงได้ปกติครับ ส่วนวิธีการดูแลสุขภาพ ถ้าให้ผมแนะนำเลยคือการเลี่ยงการพบเจอคนให้มากที่สุด คือพยายามเจอคนให้น้อยที่สุดครับ ป้องกันตัวเองตลอดเวลา ทั้งสวมแมสก์ พกแอลกอฮอล์ ล้างมือบ่อย ๆ
Q: ถ้าเดินทางระหว่างประเทศได้แล้ว เมืองไหนในญี่ปุ่นที่อยากไปเป็นที่แรก หรืออยากไปทำอะไรที่ญี่ปุ่นเป็นอันดับแรก
A: ผมเล็งไว้ย่านหนึ่งในโตเกียวครับ ก็คือย่านชินโอคุโบะ ได้ยินมาว่าตอนนี้กลายเป็นย่านวัยรุ่นอีกแห่งไปแล้วเหมือนย่านฮาราจูกุ เมื่อก่อนย่านนี้คือย่าน K-Town หรือโคเรียนทาวน์ใช่มั้ยครับ หรืออีกที่ก็จะเป็น SUPER NINTENDO WORLD ที่ Universal Studo Japan ที่โอซาก้าครับ ส่วนช่วงนี้ถ้าผมคิดถึงญี่ปุ่นก็จะใช้วิธีเปิด YouTube แล้วเสิร์ชหา ASMR ที่ถือกล้องพาเดินไปตามที่ต่าง ๆ ในญี่ปุ่นครับแทนครับ คิดถึงญี่ปุ่นมาก ๆ อยากไปญี่ปุ่นแล้ว
‘Move on’ ซิงเกิลที่ 4 ของ Stamp เพลงให้กำลังใจที่ร่วมฟีทเจอร์ริ่งกับทาง Awesome City Club
Q: ช่วยแนะนำผลงานซิงเกิลใหม่หน่อย
A: ผลงานล่าสุดที่จะปล่อยในเดือนสิงหาคมนี้ ถือเป็นซิงเกิลที่ 4 แล้วครับ เป็นเพลงที่ผมมีโอกาสได้ฟีทเจอร์ริ่งกับทาง Awesome City Club มีชื่อเพลงว่า ‘Move on’ โดยผมเริ่มทำดนตรีไว้ก่อน แล้วก็เริ่มแต่งเนื้อร้องตอนที่ผมติดโควิดและเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลพอดี ในเพลงนี้จะมีพาร์ทที่มีเนื้อเพลงเป็นภาษาไทยด้วย ส่วนเนื้อเพลงญี่ปุ่นจะเป็นเพื่อนคนญี่ปุ่นที่ช่วยแต่งครับ
เพลงนี้จะเป็นเพลงให้กำลังใจ ซึ่งจริง ๆ แล้วผมไม่ค่อยได้ทำเพลงให้กำลังใจเท่าไรนัก เพลงส่วนใหญ่ที่ผมทำจะเป็นเพลงเกี่ยวกับเรื่องความรัก เพลงอกหักซะมากกว่า และอันที่จริง ตอนแรกก็ไม่ได้ตั้งโจทย์ไว้ว่าจะทำเพลงเกี่ยวกับอะไร เพียงแต่อยากทำให้มีความฟังค์กี้ เหมาะกับทั้งผู้ชายและผู้หญิงร้อง แล้วพอเมโลดี้ที่ได้ออกมาฟังแล้วอบอุ่นใจดี ก็เลยตัดสินใจทำเป็นเพลงให้กำลังใจ ซึ่งเพลงก็จะออกมาน่ารักมากขึ้น เพราะมีเสียงร้องสดใส ๆ ของสมาชิก Awesome City Club ที่เป็นผู้หญิงด้วย ซึ่งเพลงนี้จะมีท่อนที่ทางวงร้องเป็นภาษาไทยอีกด้วย พวกเขาร้องออกมาดีมาก ๆ ถ้าคนไทยได้ฟังก็อาจจะคิดว่าเป็นเสียงของลุลา (หัวเราะ) เพราะเสียงคล้ายกันมาก
Q: แล้วความพิเศษของเพลงนี้ล่ะ
A: ปกติแล้วเพลงก่อนหน้านี้จะใช้วิธีนำเพลงภาษาไทยของผมมาแปลงเป็นเวอร์ชั่นภาษาญี่ปุ่นแทน สำหรับเพลงนี้ที่ตอนแรกผมก็คิดว่าจะใช้วิธีเดียวกัน แต่พอลองหาเพลงที่เหมาะกับวงนี้ เพลงที่เป็นแนวฟังค์กี้และมี groove ดนตรีแบบนั้น ผมพบว่าไม่มีเพลงของผมที่เป็นแนวนั้นเลย ก็เลยตัดสินใจทำเพลงใหม่ขึ้นมาเพื่อให้เหมาะกับพวกเขาเลยดีกว่า ก็เลยกลายเป็นความพิเศษของเพลงนี้ครับ
Q: มีอุปสรรคหรือความยากลำบากในการทำอัลบั้มครั้งนี้ไหม แก้ไขหรือข้ามผ่านมาได้อย่างไร
A: ที่จริงเรื่องอุปสรรคไม่มีเลยนะครับ จะมีก็แค่การเลื่อนอัดเพลงออกไปเพราะช่วงที่จะอัดเป็นช่วงที่ผมเข้าโรงพยาบาลพอดี แล้วผมกับโปลินจัง (นักร้องนำหญิง สมาชิก Awesome City Club) รู้จักกันอยู่แล้วก็เลยทำงานกันอย่างราบรื่น ไม่มีปัญหาหรืออุปสรรคอะไรครับ แล้วเพลงของพวกเขาก็ดังมาก ๆ ในปีนี้ด้วย เลยยินดีและดีใจกับพวกเขามาก ๆ ครับ
Q: สุดท้ายแล้ว ฝากอะไรถึงผู้อ่านทั้งคนไทยและคนญี่ปุ่นหน่อยค่ะ
A: อยากฝากทั้งคนไทยและคนญี่ปุ่นให้ลองฟังเพลงนี้หรือผลงานอื่น ๆ ของผมกันดูครับ เป็นเพลงที่มีการแลกเปลี่ยนและผสมผสานกันระหว่างวัฒนธรรมญี่ปุ่นและไทย ซึ่งถือเป็นความฝันของผมที่อยากจะลองทำแบบนี้มานานแล้ว หลาย ๆ เพลงจะมีศิลปินญี่ปุ่นมาร่วมฟีทเจอร์ริ่งด้วย หรือบางเพลงก็จะมีทีมงานเบื้องหลังที่เป็นศิลปินญี่ปุ่นมาร่วมทำเพลงด้วยเช่นกัน แต่ละเพลงก็จะมีแนวหลากหลายแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับศิลปินที่มาร่วมฟีทเจอร์ริ่งด้วย มีทั้งฮิปฮอป ทั้งเจป๊อป แต่ก็จะมีกลิ่นอายแนวเพลงของผมอยู่ด้วยในทุก ๆ เพลงครับ หรือถ้าอยากให้ผมลองฟีทเจอร์ริ่งกับศิลปินคนไหนก็ลองเสนอเข้ามากันได้นะ
สุดท้ายแล้ว ทุกคนก็ดูแลสุขภาพตัวเองด้วยนะครับ ขอให้ทุกคนสุขภาพแข็งแรงและปลอดภัยจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ครับ
Profile
แสตมป์ – อภิวัชร์ เอื้อถาวรสุข นักร้อง นักแต่งเพลงชาวไทย ซึ่งนอกจากการเป็นศิลปินแล้ว ทั้งยังเป็นโปรดิวเซอร์ด้านดนตรีด้วย แนวดนตรีของเขาที่มีซาวน์เพลงแบบ City Pop บวกกับน้ำเสียงที่นุ่มนวลจึงทำให้เพลงของเขานั้นฟังแล้วอบอุ่นใจ และทำให้คุณรู้สึกถึงความร่าเริงในแบบคนไทยได้เป็นอย่างดี
ผลงานของแสตมป์เคยแตะอันดับ 1 บนชาร์ต Spotify Thailand และ Apple Music ในประเทศไทยมาแล้วหลายครั้ง อีกทั้งยังมียอดคนดูวิดีโอผ่านทาง YouTube ของเขามากกว่า 120 ล้านวิวอีกด้วย นอกจากงานดนตรีแล้ว เขายังเป็นเคยปรากฎตัวในโฆษณาของบริษัทระดับโลกอีกหลายชิ้น รวมทั้งยังเป็นเจ้าของค่ายเพลง 123 records ด้วยเช่นกัน
สำหรับผลงานในประเทศญี่ปุ่น แสตมป์เคยขึ้นเล่นในเทศกาลดนตรี SUMMER SONIC ปี ค.ศ.2019 เคยเป็นแขกรับเชิญในคอนเสิร์ต SKY-HI Round A Ground 2019 〜YO! SKY RAPS〜 ของ SKY-HI และยังเคยออกรายการ スッキリ!ของช่อง NTV มาแล้วด้วย
ช่องทางการติดตามผลงาน
ภาษาญี่ปุ่น: Website / Twitter
ภาษาไทย: YouTube / Facebook / Twitter / Instagram
สัมภาษณ์และเรียบเรียงโดย: ทัศวีร์ เจริญบุรีรัตน์
อ่าน “TODAY ARTIST: Awesome City Club” คลิก