Leh Ladakh “ทิเบตน้อย” แห่งดินแดนภารตะ
7 กรกฎาคม 2560
เสียงเพรียกหาแห่งขุนเขาในดินแดน Leh Ladakh
จากสนามบินนิวเดลี่ใช้เวลาเพียงชั่วโมงเศษ ก็เดินทางมาถึงดินแดนที่ถูกขนามนามว่าเป็น “ทิเบตน้อย” แห่งดินแดนภารตะ ประเทศอินเดีย ก่อนเครื่องลงจอดก็ชมวิวเรียกน้ำย่อยจากหน้าต่างเครื่องบินไปพลางๆ ก่อน แค่วิวขุนเขาที่ปกคลุมยอดด้วยหิมะขาวโพล่งสะอาดตา ช่วยบำบัดความเหนื่อยล้าของเมื่อวานหายไปอย่างปลิดทิ้ง เสียงขุนเขาที่ตั้งตระง่านทอดยาวสุดลูกหาลูกตาเหมือนจะตะโกน “จูลเล่ย์ (Julley)” เพื่อเป็นการต้อนรับและยังเป็นคำกล่าวทักทายกันของชาว Leh อีกด้วย
สนามบินเมือง Leh Ladakh สนามบินเล็กๆ ที่ถูกล้อมรอบด้วยยอดเขาสลับซับซ้อน เมื่อมาถึงเมือง Leh จะทำอะไรก็ต้องค่อยๆ ทำ ค่อยๆ เดิน ค่อยๆ ใช้ชีวิตให้มัน Slow Life กันเลยทีเดียว ด้วยความสูงมากกว่า 3500 ฟุตเหนือระดับน้ำทะเล แค่ลากกระเป๋าไปที่รถก็รู้สึกเหนื่อยง่ายและหายใจไม่สะดวกแล้ว วันนี้ทางเอเจนจึงให้เราได้พักผ่อนและปรับสภาพร่างกายให้เคยชินกับสภาพของเมือง Leh
จากสนามบินใช้เวลาเดินทางมายังที่พักประมาณ 10 นาที ซึ่งที่พักของเราเป็น Guest House น่ารักๆ ชื่อ Leh Stumpa ด้านหน้าห้องพักสามารถมองผ่านกระจกใสบานใหญ่ เพื่อผ่อนคลายกับแปลงผักขนาดย่อมที่มีผักหลากหลายชนิดตัดด้วยดอกกุหลาบสีสดขนาดเท่าฝ่ามือที่ปลูกเว้นระยะห่างอย่างสวยงาม ภายในตกแต่งสวยงาม มีสัญญาณ wi-fi แต่ก็ต้องทำใจ เพราะบางทีก็ใช้ได้ บางทีก็ใช้ไม่ได้ แต่ยังดีห้องน้ำมีน้ำอุ่นให้ได้อาบเพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้า แถมชักโครกที่นี่ทำให้เราประหลาดใจได้ไม่น้อย คือ มีที่ฉีดชำระก้นแบบญี่ปุ่น ในแบบเทคโนโลยีของชาว Leh ซึ่งวิถีน้ำจะเป็นออกเป็นแนวตรงขนานกับพื้นโลก ส่วนจะชอบความเบาหรือแรงก็ปรับเองโดยการหมุนที่หัวก็อก
มื้อเช้าของวันนี้เราทานกันที่ Leh Stumpa อาหารที่นี่เป็นอาหารมังสวิรัติ อาหารจะเป็นแป้งและจำพวกผักและถั่ว อยู่ที่ Leh ให้กินแค่พออิ่มก็พอ เพราะถ้ากินมากเกินไปในที่สูงระดับนี้อาจทำให้เกิดอาการจุก เสียดแน่นท้องได้ หลังจากทานเสร็จก็ขอเดินชมบรรยากาศและพูดคุยกับคุณป้าและลูกสาวของคุณป้าที่ดูแลเรา คุณป้าใจดีมาก พาเราไปชมห้องพักของคุณป้าเอง ซึ่งจัดได้เป็นระเบียบเรียบร้อย แถมคุณป้ายังอวดเครื่องครัวเก่าเก็บของแกอีกด้วย เวลาที่แกพูดถึงเครื่องครัวและวิธีใช้ดูแกมีความสุขในสิ่งของเล็กๆ น้อยๆ คงเพราะสิ่งของทุกอย่างในบ้านแกมีอดีตและยังเป็นอดีตที่น่าจดจำและประทับใจ
หลังจากทานอาหารและชมบรรยากาศรอบ ทุกคนขอแยกตัวไปพักผ่อนเอาแรงกันสักหน่อย ตกลงกันว่าสัก 4 โมงจะไปเดินชมตลาดเย็นเมือง Leh โดยทางเราโทรไปหาเอเจนทางนี้เพื่อติดต่อว่าช่วงเย็นจะขอติดต่อรถไปตลาดสัก 2 ชั่วโมง ซึ่งค่าเดินทางไปตลาดเป็นการตกลงกันเองระหว่างพวกเรากับคนรถ
16.10 น.
เยี่ยมชมตลาดเมืองเลห์ (Leh Main Bazaar)
หลักจากพักผ่อนกันอย่างเต็มอิ่มก็ถึงเวลาตะลุยตลาดเมืองเลห์ ซึ่งคนรถที่มารับเราชมตลาดและขับรถให้ตลอดทริป ชื่อ ทุนดุบ หนุ่มน้อยผิวเข้มฟันขาวใส่หมวกใส่แว่นดำตลอดเวลา แต่ฝีมือขับรถตลอดทริป บอกเลยว่าเจ๋งจริง!!!! เรียกว่า ไบรอันแห่งเทือกเขาหิมาลัยได้เลย ไว้มาเล่าวีรกรรมของทุนดุบให้ฟัง…..
สำหรับตลาด Leh Main Bazaar ถือเป็นย่านการค้าของเมือง Leh เป็นแหล่งรวมร้านค้ามากมาย ทั้งของฝาก เสื้อผ้า เครื่องประดับ ร้านขายยา ร้านหนังสือ เอเจนท์ทัวร์ ร้านเช่ารถ ผลไม้ อาหาร ของสดของแห้ง อื่นๆ อีกมากมาย ที่นี่จะคึกคักมากเป็นพิเศษในช่วงบ่ายแก่ๆ เป็นต้นไปครับ เราลองมาชมความคึกคักของตลาดแห่งนี้กัน…..
มุมขายของแห้ง
เด็กนักเรียนเมือง Leh นั่งกินขนมพูดคุยกันก่อนกลับบ้าน
มุมขายผักสด ยังใช้วิธีชั่งน้ำหนักแบบโบราณอยู่
วิถีไบค์ก็มาเที่ยวตลาด
ตลาดและวิถีชีวิตชาวเมือง Leh
18.00 น.
หลังจากชมตลาดเมืองเลห์ (Leh Main Bazaar) เรียบร้อยแล้ว พวกเราก็โทรให้ ทุนดุบ มารับพวกเรากลับโรงแรมโดยไม่ลืมที่จะให้ ทุนดุบ จอดซื้อผลไม้ข้างทางก่อนเข้า Guest House ซึ่งมีผลไม้หลากหลายชนิดให้เลือกซื้อในราคาไม่แพง จากตลาดไม่เกิน 10 นาทีก็ถึง Guest House ซึ่งที่พักมีคนของทางเอเจนกับบริษัทรถเช่ามารอพวกเราอยู่แล้ว สำหรับติดต่อเช่ามอเตอร์ไซค์ที่จะใช้ขับเที่ยวชมเมือง Leh ในวันพรุ่งนี้ ที่นี่มีรถใหเช่าหลายชนิดตามความถนัดของผู้ขับ แต่มาที่นี่ยังไงก็ต้อง Royal Enfield รถเก่าแก่แบรนด์อังกฤษ ที่มาเติบโตในอินเดีย หลังจากพูดคุยกันเรียบร้อย ทางบริษัทจะนำรถมาให้ถึงที่ Guest House ในวันพรุ่งนี้ แหม….บริการสะดวกสบายจริงๆ
20.00 น มื้อค่ำ
หลังจากอาบน้ำเรียบร้อยแล้วก็มาทานมื้อค่ำกัน โชคดีมีข้าวสวยที่คุณป้าหุงให้ กินกับไข่ต้มที่เปลือกไข่สีขาว เหยาะซอสพริก เอเวอร์เรส สักหน่อย (รสชาติของซอสนี่ศรีราชาบ้านเราชัดๆ) กินแกล้มกับไก่ย่างที่ซื้อมาจากตลาด “มื้อนี้ เอนจอยครับ” หลังจากอาหารและบทสนทนาบนโต๊ะอาหารจบก็ได้เวลาพักผ่อน ราตรีสวัสดิ์ แล้ว พรุ่งนี้เราไปขี่รถเล่นกันในเมือง Leh ครับ….ZZZZZ