Weathering With You ภาพยนตร์แอนิเมชั่นแฟนตาซีสุดร้อนแรงแห่งปี
หลังจากประสบความสำเร็จล้นหลามทั้งรายได้และคำวิจารณ์เรื่อง Your Name ผู้กำกับ มาโกโตะ ชินไค ก็พร้อมสร้างกระแสฮือฮาด้วยแอนิเมชั่นเรื่อง Weathering with You (ฤดูฝัน ฉันมีเธอ)
ซึ่งถือเป็นผลงานกระแสหลักวงกว้างต่อจาก Your Name หากเทียบกับผลงานวงจำกัดยุคแรกเริ่มที่ถ่ายทอดบรรยากาศเหงาและความรักหนักหน่วงอย่าง The Garden of Words” (2013), 5 Centimeters per Second (2007) และ Voices of a Distant Star” (2002)
หนังเรื่อง Your Name ซึ่งเล่าเรื่องการสลับร่างของหนุ่มสาวคู่หนึ่ง ประสบความสำเร็จอย่างงดงามด้วยการถ่ายทอดงานภาพชวนตะลึง ภายใต้การอำนวยการสร้างของเกนคิ คาวามูระ และเพลงประกอบภาพยนตร์ชวนจับใจโดยวงร็อคชื่อดัง Radwimps
และความสำเร็จถล่มทลายของหนังก็เปลี่ยนชีวิตของเขา “มันทำให้ชีวิตดูมีข้อจำกัดบ้างครับ ผมรู้สึกว่าผมกำลังถูกจับจ้องตลอด ผู้คนทักทายผมตามท้องถนน และขณะที่บางคนพูดว่าพวกเขาชอบหนังเรื่อง Your Name มากมายขนาดไหน คนอื่นๆ ก็บอกว่าเกลียดหนังมากขนาดไหนเช่นกันครับ”
แม้ว่าหนังได้รับความนิยมอย่างสูง ความสำเร็จของ Your Name ก็เกิดกระแสต่อต้านตามมา บางก็ว่าความสำเร็จเกิดจากระยะเวลาการที่หนังยืนโรงฉาย เกิดการตระหนักรู้ในหมู่มวลชน
และขณะที่หนังออกฉาย ผู้กำกับ Shoplifters ฮิโรคาสุ โคเระเอดะก็เขียนถึงในปี 2016 ว่า “หนังอุดมด้วยองค์ประกอบของหนังฮิต บางทีมันก็อัดแน่นเกินไป และผมคิดว่ามันถึงเวลาที่หนังก้าวออกจากสูตรจำพวกเด็กนักเรียนเดินทางข้ามเวลาได้แล้ว”
ส่วนชินไคก็มองว่าการใคร่ครวญความสำเร็จในช่วงเวลานั้นมันท่วมท้น “ผมคงจะเดินออกจากบาร์ ไม่งั้นคนนั่งข้างๆ ผมก็จะวิจารณ์หนังเรื่องนี้ หรือผมก็จะกินข้าวอยู่บ้านกับครอบครัวผม เราจะเปิดทีวีและมีคนดังบางคนกำลังสบประมาทหนัง ผมก็เลยเริ่มรู้สึกเหมือนว่าผมโดนเกลียดชัง”
นอกจากนี้เขาคิดว่าคำวิจารณ์มีผลต่อการสร้างหนังเรื่อง Weathering with You
“ผมถามตัวเองว่า ‘ผมควรทำหนังที่นักวิจารณ์จะชื่นชอบ หรือควรทำหนังที่พวกเขาไม่ชอบมากขึ้นกันแน่’” และแล้วเขาก็ตัดสินใจว่า “ผมรู้สึกเหมือนว่าผมจำเป็นต้องทำหนังสักเรื่องที่ทำให้นักวิจารณ์รู้สึกแรงกล้าเกี่ยวกับตัวผม คำติเตียนกี่ยวกับหนังเรื่อง Your Name ช่วยให้ผมรู้สิ่งที่ผมอยากจะสร้างในฐานะคนทำหนังจริงๆ”
แล้วในคราวเดียวกัน ผู้กำกับบอกว่า “ฤดูฝัน ฉันมีเธอ” จะแตกต่างจาก Your Name อย่างมาก “เมื่อเป็นคนเดียวกับที่ทำหนังเรื่องนี้ ย่อมมีองค์ประกอบบางอย่างเดียวกัน แต่ผมต้องการสร้างเรื่องราวที่แตกต่างออกไปจริงๆ ผมจึงต้องสร้างระยะห่างระหว่างตัวผมเองและสิ่งที่ผมทำได้สำเร็จจากหนังเรื่อง Your Name”
เรื่องราวเริ่มต้นด้วยการที่ตัวเอกของเรื่องที่ตัดสินใจสร้างระยะห่างระหว่างตัวเขาเองกับอดีตของเขา ตัวละครเอกของเรื่องเป็นนักเรียนมัธยมปลายนามว่าโฮดากะ โมริชิมะ (ให้เสียงพากย์โดย โคทาโร่ ไดโงะ) ที่หนีจากบ้านเกิดในเกาะเล็กๆ มายังกรุงโตเกียว
จากตึกระฟ้าของย่านชินจุกุ สู่อาคารเตี้ย ย่านศาลเจ้าของฝั่งตะวันออก และเมืองกรุงที่ฝนตกหนักถูกถ่ายทอดด้วยรายละเอียดแสนน่าทึ่งซึ่งการตามหาสถานที่สำหรับหนังใช้เวลาประมาณสองเดือน
“ภูมิทัศน์ของกรุงโตเกียวมีความสำคัญต่อหนังเรื่องนี้ ยกตัวอย่างมีที่ดินส่วนหนึ่งใกล้กับอ่าวโตเกียวซึ่งต่ำกว่าระดับน้ำทะเล และนั่นก็มีบทบาทสำคัญในเรื่องราวนี้ ดังนั้นการค้นคว้าข้อมูลนั้นจึงเป็นสิ่งสำคัญครับ”
และผู้กำกับเชื่อว่าความสนใจในรายละเอียดจะช่วยให้ผู้ชมผูกพันกับเรื่องราว “ผมต้องการให้พวกเขารู้สึกราวกับว่านี่เป็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในโลกของเราตอนนี้ มันไม่ใช่เรื่องแต่งที่ทำอะไรคุณและผมไม่ได้ มันกำลังเกิดขึ้นที่นี่และตอนนี้ครับ”
ในหนังเรื่องนี้ โฮดากะใช้เวลาสองสามวันแรกในกรุงโตเกียวด้วยความรู้สึกตะลึงกับสภาพแวดล้อมใหม่ เดินเตร่ตามถนนย่านชินจุกุด้วยความหวาดกลัวและความประหลาดใจ
สำหรับชินไคที่เกิดและเติบโตในนางาโนะ ก็มีความรู้สึกคล้ายคลึงกับตัวเอกเมื่อเขามาเยือนเมืองกรุงเป็นครั้งแรก “ผมมากับเพื่อนหลังจากจบมัธยมปลาย ผมคงอายุ 18 ปีในตอนนั้น เราเดินรอบๆ ย่านคาบูกิโจ ชินจุกุด้วยความรู้สึกกลัว คนหลากหลายเข้ามาหาเรา เดินผ่านกลุ่มเคร่งศาสนาและร้านค้าสำหรับผู้ใหญ่ มันน่ากลัวจริงๆ ในตอนนั้น”
“ตอนนั้น อาคารสำนักงานบริหารมหานครโตเกียว ดูใหม่มากๆ มันเป็นตึกระฟ้าที่ยิ่งใหญ่ส่องแสง มันรู้สึกเหมือนเป็นเมืองแห่งอนาคต” ชินไคพูดถึงตึกแฝดที่เป็นไอคอนของชินจุกุ และหลังจากอาศัยในชินจุกุเป็นเวลาสองทศวรรษ ชินไคก็พบว่าตนเองหลงเสน่ห์วิวทิวทัศน์แบบเมืองของเมืองหลวง
“โตเกียวถูกปกคลุมด้วยยางมะตอยดำ และเมื่อถึงคราวฝนตก โตเกียวก็จะดูเกือบดำมืด แสงสว่างของเมืองได้สะท้อนกับความมืดเหล่านั้น และเมื่อแสงอาทิตย์ตกกระทบกับยางมะตอยที่เปียกชื้น มันจะเปล่งประกายครับ คุณอาจจะคิดว่ายางมะตอยที่เปียกชื้นว่ามันดูไม่สดใสมาก แต่ผมคิดว่ามันก็ดูงดงาม และอยากให้ผู้ชมรู้สึกแบบนี้เช่นกันครับ”
แสงอาทิตย์เพียงน้อยนิดที่ปรากฏใน “ฤดูฝัน ฉันมีเธอ” ได้กลายเป็นคุณลักษณะของตัวละครเอกหญิง ฮินะ อามาโนะ (นานะ โมริ) ผู้พบว่าตนเองสามารถหยุดฝนตกได้ผ่านการสวดมนต์ ทำให้ดวงอาทิตย์ได้ส่องแสงในบริเวณแถวนั้นภายในไม่กี่ชั่วโมง ตัวละครฮินะอาจจะเรียกได้ว่าเป็น “เด็กสาวแห่งสภาพอากาศ 100 %
“สำหรับชินไคที่เคยเรียนสาขาวรรณคดี ก็เป็นแฟนตัวยงของนักเขียน ฮารุกิ มุระคามิ ก็อาจจะทำหลายคนสงสัยว่าเขาได้แรงบันดาลใจจากผลงานของมุระคามิเรื่อง On Seeing the 100% Perfect Girl on One Beautiful April Morning ในการสร้างตัวละครฮินะเหรือเปล่า
“ผมตระหนักถึงประเด็นนี้แน่นอนครับ” ชินไคหัวเราะ “มันไม่มีความผูกพันอย่างใดแต่คุณอาจจะทำให้นึกถึงถ้าคุณเป็นแฟนของมุระคามิ ผมรักเรื่องราวนั้นและมันก็ทำให้นึกถึงอย่างเป็นธรรมชาติครับ”
เขาอธิบายเกี่ยวกับความเกี่ยวโยงกับมุระคามิว่าเกี่ยวโดยสำนึกหรือลึกซึ้งกว่านั้น “ผมไม่ตระหนักถึงประเด็นนี้ขณะทำหนังเรื่องนี้ แต่นานๆเข้า มันคล้ายคลึงกับเรื่อง Kafka on the Shore จริงๆ” เขากล่าว
ซึ่งทั้งตัวละครเอกของนิยายปี 2002 และ โฮดากะต่างเป็นวัยรุ่นที่หนีออกจากบ้านแล้วได้พบกับตัวละครลึกลับ และเรื่องราวทั้งสองก็พรรณนาฉากปลาตกจากท้องฟ้าด้วย “มันเป็นไปได้นะที่ผมนึกถึงนิยายเรื่องนั้นแบบไม่รู้ตัว อย่างไรก็ตามผมเชื่อว่าเมื่อคุณเจาะลึกเรื่องราว ก็พบว่าเรื่องราวมีโครงสร้างง่ายๆ”
มาโกโตะ ชินไค ที่จะมีอายุ 46 ปีในปีนี้ แต่อาจจะดูหนุ่มกว่าไม่ใช่เพราะมีรอยยิ้มแบบเด็กหนุ่ม แต่เพราะรูปแบบของตัวละครหนุ่มสาวดูสะท้อนกับผู้ชมทั้งในบ้านเกิดและต่างประเทศ แต่เมื่อถามว่าเขาคิดว่าคนหนุ่มสาวของญี่ปุ่นจะเข้าอกเข้าใจแนวคิดหลักของหนังเรื่องล่าสุดของเขาหรือไม่ เขาตอบว่า “ผมไม่แน่ใจนะ ผมไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้วครับ”
นั่นจึงอาจจะอธิบายว่าทำไมภาพยนตร์เรื่องนี้จึงมีตัวละครผู้ใหญ่ที่มีมิติลึกซึ้งอย่าง เคสุเกะ ซุงะ (ชุน โองุริ) นักเขียนที่กลายเป็นผู้ช่วยของโฮดากะและประเด็นครอบครัวซับซ้อนของเขาก็มีบทบาทในโครงเรื่องรองที่สำคัญ
“อย่างแรกและสำคัญที่สุด เรื่องราวมันเกี่ยวกับโฮดากะที่เข้าไปอยู่ในความขัดแย้งกับสภาพสังคม ผมจึงต้องการตัวละครผู้ใหญ่ที่เป็นตัวแทนของสภาพสังคมทั้งหมด นั่นจึงเป็นตัวละครของซุงะ แต่แน่นอนเขาอายุเกือบเท่าผมและมีลูกหนึ่งคน เช่นเดียวกับผมครับ”
ซึ่งการใส่ตัวละครผู้ใหญ่คนนี้เข้าไปในการเล่าเรื่อง ชินไคจึงสามารถสำรวจความคิดของตนเองเกี่ยวกับการเป็นผู้ใหญ่ “เมื่อคุณอายุมากขึ้น คุณจะสั่งสมหลายสิ่งหลายอย่างมากขึ้นซึ่งจะปล่อยเลยตามเลยมันไม่ง่ายนัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน ครอบครัวหรือสิ่งที่คุณมี” เขากล่าว “ตัวละครหลักในหนังยังเป็นเด็กหนุ่มและเด็กสาว แต่ตัวละครวัยกลางคนก็ถ่ายทอดในรูปแบบนี้ได้เป็นธรรมชาติ”
การเป็นผู้ใหญ่คือหนึ่งในแนวคิดที่ลึกซึ้ง
ขณะที่ผู้กำกับยืนยันว่า “ฤดูฝัน ฉันมีเธอ” จะเป็นความบันเทิงสำคัญแรก การเป็นผู้ใหญ่คือหนึ่งในแนวคิดที่ลึกซึ้งที่เขาได้สำรวจ สภาวะฝนตกไม่หยุดหย่อนในหนังก็ได้แรงบันดาลใจสภาวะอากาศแปรปรวนที่เกิดขึ้นเมื่อสองสามปีที่ผ่านมา
“ญี่ปุ่นเคยมีสี่ฤดูที่เป็นเอกลักษณ์ และนั่นเป็นส่วนสำคัญที่เราภาคภูมิใจ” ซึ่งผลงานของเขา 5 Centimeters per Second เกิดขึ้นในช่วงซากุระบาน แต่ไม่กี่ปีที่ผ่านมาเขากล่าวว่า “สภาพอากาศได้กลายเป็นบางอย่างที่ปฏิปักษ์ต่อมนุษย์ บางอย่างที่เราต้องเตรียมตัวเพื่อรับมือ มันน่ากลัวจริงๆครับ”
ในภาพยนตร์เรื่องนี้ โฮดากะเยือนศาลเจ้าที่พระรูปหนึ่งกำลังติเตียนความคิดเกี่ยวกับความผิดปกติของฤดูฝนในรอบนี้ที่ยาวนานกว่าปกติ “มนุษย์มีกรอบความคิดแค่ 100 ปี แต่ประวัติศาสตร์โลกมันยาวนานกว่านั้น” ชินไคกล่าว
“นั่นคือสิ่งที่พระรูปนั้นกำลังพูด มนุษย์ไม่สามารถควบคุมสภาพอากาศได้ นั่นคือมุมมองหนึ่ง แต่ในคราวเดียวกันก็ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะมนุษย์ก็มีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ ผมไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจนแต่ประเด็นนี้อยู่ในหัวใจของหนังเรื่องนี้ครับ”
บางทีคำถามที่ชินไคสนใจที่จะสำรวจใน “ฤดูฝัน ฉันมีเธอ” คือ ความต้องการของส่วนรวมควรอยู่เหนือกว่าความต้องการของแต่ละบุคคลหรือเปล่า เขาบอกว่ามันเป็นคำถามที่เขาได้สำรวจนั่นเป็นเพราะมันอยู่ในรูปแบบของความบันเทิง
“การพูดว่า คนที่อยู่ตรงหน้าคุณสำคัญยิ่งกว่าส่วนรวมนั้น คงไม่ใช่สิ่งที่นักการเมืองและผู้มีอำนาจสามารถพูดออกมาได้ใช่มั้ยครับ” เขากล่าว “ไม่ว่าจะเขียนลงหนังสือพิมพ์หรือหนังสือเรียน พวกเขาก็ทำไม่ได้ทั้งนั้น”
อย่างไรก็ตามเขาก็กล่าวว่า “ในอุตสาหกรรมความบันเทิง คุณมีอิสระที่จะตะโกนมันออกมาจากหัวใจได้ครับ และเมื่อคุณลงมือทำ มันทำให้ผู้ชมได้ฉุดคิด บางคนก็จะเห็นด้วย ขณะที่คนอื่นๆ ก็ต่อต้าน อย่างน้อยมันช่วยให้ผู้คนเข้าใจรูปแบบของสังคมที่เราอาศัยอยู่ครับ”
จากการให้สัมภาษณ์ มันดูเหมือนว่าชินไคมองว่า “ฤดูฝัน ฉันมีเธอ” เป็นบททดสอบทางสังคมโดยรวม “คนญี่ปุ่นจะมีปฏิกิริยาต่อหนังเรื่องนี้อย่างไร” เขาถาม “มันเป็นเรื่องยอมรับได้หรือไม่ หรือถูกปฏิเสธ หรือถูกเพิกเฉย ปฏิกิริยาเหล่านั้นจะช่วยให้ผมมองเห็นรูปแบบของสังคมเรา และเข้าใจว่าผู้คนคิดอย่างไร ณ ตอนนี้ ครับ”
ปฏิกิริยาของผู้คนต่อภาพยนตร์เรื่องล่าสุดนี้ อาจเป็นเรื่องสำคัญต่อชินไคสำหรับอีกเหตุผลหนึ่ง เช่นเดียวกับ Your Name ที่ทำได้เมื่อสามปีก่อน การตอบรับของหนังอาจจะกำหนดอนาคตของเขาได้ หนังเปิดตัวด้วยกระแสแง่บวก และเปิดตัวด้วยรายรับ 1.64 พันล้านเยนภายในสามวันที่ออกฉาย
อย่างไรก็ตามชินไคกล่าวว่าหนังอาจจะฉายในสาขาวงกว้างกว่านี้เพื่อแสดงให้เห็นว่าวงการการ์ตูนญี่ปุ่นเป็นที่รู้จักทั่วโลกได้อย่างไร “ผมคิดว่ารายรับของของญี่ปุ่นในส่วนของการสร้างอนิเมชั่นกำลังตกต่ำทุกๆ ปี จีนและเกาหลีใต้กลายเป็นผู้มีบทบาทสำคัญและมีสไตล์ที่แตกต่างกันสุดขั้ว โดยเฉพาะการมาของดิสนี่ย์และพิกซาร์ที่เป็นที่รู้จักทั่วโลก ขณะที่เราวาดด้วยมือในญี่ปุ่น”
สำหรับผู้กำกับที่เคยสร้างหนึ่งในผลงานที่ฮิตลอดกาลอย่างชินไค ก็รู้สึกคลุมเครือเกี่ยวกับอนาคตของวงการอนิเมชั่น “มันจะไปได้ไกลแค่ไหน” เขาถาม “เราจะสามารถทำอนิเมชั่นในรูปแบบนี้ได้หรือเปล่า มันเป็นคำถามยิ่งใหญ่สำหรับเราตอนนี้ การทำอนิเมชั่น 2 มิติแบบ “ฤดูฝัน ฉันมีเธอ” ยังเป็นที่ชื่นชอบหรือเปล่า แล้วเราจะเห็นว่าหลายอย่างไปไกลได้แค่ไหนและต่อยอดจากมันได้อย่างไรครับ”
ตัวอย่างภาพยนตร์