Special Interview: YOASOBI กับการเปลี่ยนนิยายเป็นบทเพลง

YOASOBI กับแนวทางดนตรีที่แตกต่างออกไปโดยการ “เปลี่ยนนิยายเป็นบทเพลง”

“YOASOBI” ศิลปินที่นำเสนอดนตรีที่แตกต่างออกไปโดยการ “เปลี่ยนนิยายให้เป็นบทเพลง” และเพลง “Yoru ni Kakeru” (夜に駆ける) ของโยอะโซบิก็กลายเป็นเพลงที่มียอดสตรีมมิ่งมากกว่า 800 ล้านครั้งซึ่งถือเป็นจำนวนที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น พวกเขาทั้ง 2 คนสามารถทำให้คนจดจำพวกเขาได้โดยไม่จำเป็นต้องอธิบายให้มากความ อย่างการร่วมแสดงบนเวทีขาว-แดง เวทีสำคัญของญี่ปุ่น (NHK紅白歌合戦)

ครั้งนี้ ดาโกะจึงคว้าโอกาสและชวนพวกเขามาพูดคุยเกี่ยวกับแนวทางการแต่งเพลงและความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะมาประเทศไทยกัน!

Special Interview: YOASOBI กับการเปลี่ยนนิยายเป็นบทเพลง


Profile

YOASOBI มีสมาชิก 2 คนคือ “Ayase” รับหน้าที่ นักแต่งเพลง และ “ikura” รับหน้าที่ นักร้อง พวกเขาฟอร์มวงขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ.2019 และปล่อยดิจิตัลซิงเกิ้ลเพลงแรก “Yoru ni Kakeru” ในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน ก่อนที่เพลงดังกล่าวจะกลายเป็นเพลงฮิตที่ทำให้ทั้งสองคนกลายเป็นศิลปินยอดนิยมในเวลาต่อมา

ติดตามและเป็นกำลังใจให้พวกเขาได้ทาง
Website l YouTube l Twitter


− ที่มาของชื่อวง 

Ayase: นอกจากกิจกรรมของวงแล้ว Lilas Ikuta ยังเป็นนักร้อง-นักแต่งเพลง ส่วนผม Ayase ก็เป็นโปรดิวเซอร์ Vocaloid ครับ ซึ่งเราเปรียบบทบาทเดี่ยวของแต่ละคนให้เป็น “บทบาทในตอนกลางวัน” ดังนั้น เราก็เลยตั้งชื่อ “โยอะโซบิ” ขึ้นมาภายใต้แนวคิดที่ว่าอยากจะเล่นสนุกให้เต็มที่กับ “บทบาทในตอนกลางคืน” ด้วยครับ

*โยอะโซบิ คือ การนำภาษาญี่ปุ่นว่า 夜 (yo) ที่แปลว่า กลางคืน และ 遊び (asobi) ที่แปลว่า เล่น มารวมกัน

− มิวสิควิดีโอเพลง “Yoru ni Kakeru” ที่ปล่อยออกมาเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2019 และกลายเป็นเพลงยอดฮิตที่มียอดวิวทะลุ 1 ล้านวิวภายในเวลาเพียง 1 เดือนนั้น ตอนที่ทำเพลงนี้ได้ตั้งความคาดหวังไว้บ้างไหม

Ayase: เพลงนี้เป็นเพลงที่ผมใส่จิตวิญญาณลงไปและมั่นใจว่าหลาย ๆ คนจะชื่นชอบ แต่พูดตามตรงเลยครับว่าผมไม่ได้คาดหวังเอาไว้เลยว่ามันจะถูกส่งต่อไปถึงคนฟังจำนวนมากมายขนาดนี้ อาจจะด้วยเหตุผลหลาย ๆ อย่าง ทั้งเป็นช่วงที่คนต้องกักตัวอยู่ที่บ้าน การใช้สื่อโซเชียลมีเดีย หรือการ subscribe ต่าง ๆ ฯลฯ ด้วยเหตุผลเหล่านี้และช่วงเวลาที่เหมาะสมก็เลยคิดว่าเป็นเหตุผลที่ทำให้คนอินกับเพลงนี้ครับ

YOASOBI Yoru ni Kakeru

− ทั้งที่เมโลดี้ของเพลง “Yoru ni Kakeru” นั้นมีความเป็นป๊อป แต่เนื้อหาและกลิ่นอายของเพลงกลับมีความดาร์กสุด ๆ คิดว่าเพราะอะไรเพลงนี้ถึงครองใจใครหลาย ๆ คนได้โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น

ikura: จากที่ฉันตีความได้นะคะ คิดว่าเป็นเพราะในขณะที่พวกเราทุกคนต่างก็อยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่กำลังกังวลเกี่ยวกับอนาคตนั้น โยอะโซบิเองไม่ได้พยายามผลักดันทุกคนว่า “มาตั้งเป้าหมายสู่อนาคตที่สดใสกันเถอะ! มาทำให้ดีที่สุดกันเถอะ!” แต่พวกเราเลือกที่จะอยู่เคียงข้าง แบ่งปันความรู้สึกที่แสนเศร้าและมืดมนนี้ไปพร้อม ๆ กับทุกคน ฉันคิดว่าสิ่งนี้สามารถส่งไปถึงหัวใจของผู้ฟังและพวกเขาก็สัมผัสถึงความรู้สึกดังกล่าวได้ค่ะ

− เหมือนว่าอิคุระซังจะได้รับอิทธิพลจากผลงานต้นฉบับไม่น้อย ในชีวิตจริงมีไหมที่บางครั้งก็จมไปกับความรู้สึกเหล่านั้น

ikura: เพื่อที่จะดึงเรื่องราวต่าง ๆ ของต้นฉบับออกมาและถ่ายทอดผ่านบทเพลง ฉันจึงพยายามร้องเพลงด้วยความรู้สึกเดียวกับตัวละครหลักของเรื่องค่ะ ก่อนที่จะเริ่มอัดเพลง ฉันจะฟังดนตรีพร้อมเปรียบเทียบกับเรื่องราวของต้นฉบับแล้วก็คิดไปด้วยว่า “ถ้าฉันเป็นตัวละครหลักตัวนี้ล่ะก็ จะร้องเพลงนี้ออกมาแบบไหนดีนะ” อย่างไรก็ตาม การถ่ายถอดบทเพลง Yoru ni Kakeru ออกมานั้น ฉันพยายามแยกมันออกจากความรู้สึกของตัวเอง เป็นเพียงความตั้งใจในการถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละครของเรื่องราวออกมาเท่านั้น เรื่องที่ตัวเองจมไปกับความรู้สึกของตัวละครก็เลยไม่มีค่ะ

− ช่วงเวลาแบบไหนที่คุณมักจะนึกไอเดียในการแต่งทำนองหรือเนื้อเพลงขึ้นมาได้

Ayase: ในกรณีของผม ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษอย่าง “ถ้าทำแบบนี้แล้วไอเดียจะพุ่งทันที” อะไรแบบที่ว่านั้นไม่มีเลยครับ กว่าจะได้โมโลดี้เพราะ ๆ ก็จะเดินวนไปรอบ ๆ ห้อง แล้วก็กังวลมาก ๆ เกี่ยวกับการปลุกปั้นเมโลดี้ให้ได้ ส่วนเนื้อเพลงนั้น ด้วยความที่นิยายต้นฉบับจะมีคำตอบชัดเจนอยู่แล้ว ตอนที่แต่งเนื้อเพลงก็จะนั่งมองจอคอมพิวเตอร์ไปพลางคิดไปพลาง พยายามเปรียบเทียบจากประสบการณ์และนึกคำที่จะใช้จากคลังคำศัพท์ของตัวผมเองครับ

จริง ๆ แล้วก่อนที่จะทำกิจกรรมในฐานะโยอะโซบิ ผมไม่ใช่คนที่อ่านหนังสือเยอะเท่าไร แต่ว่าผมเป็นคนชอบค้นหาคำศัพท์อยู่แล้ว มันอาจจะส่งผลต่อการเขียนเพลงของผมไม่มากก็น้อย แล้วผมก็ชอบพูดคุยกับผู้คนด้วย ผมจะคิดอยู่เสมอว่าจะถ่ายทอดประสบการณ์ตัวเองให้สนุกสนานได้อย่างไร นี่น่าจะเป็นวิธีที่ใกล้เคียงกับการที่ผมเขียนเนื้อเพลงของโยอะโซบิครับ ผมจะค่อย ๆ ถอดความหมายแต่ละส่วนของนิยายต้นฉบับ ก่อนจะประกอบมันกลับเข้าไปในรูปแบบของบทเพลงเพื่อถ่ายทอดมันออกมา ดังนั้นความช่างพูดช่างคุยของผมก็อาจจะมีส่วนช่วยในเรื่องการแต่งเพลงก็ได้ครับ (หัวเราะ)

Special Interview: YOASOBI กับการเปลี่ยนนิยายเป็นบทเพลง

นักร้อง “ikura” และนักแต่งเพลง “Ayase”

– แฟนเพลงของโยอะโซบินั้นไม่ได้มีเฉพาะในประเทศญี่ปุ่น แต่ยังมีอยู่ทั่วโลก เดิมทีมีความตั้งใจที่จะโกอินเตอร์ด้วยหรือเปล่า

Ayase: เราอยู่ในยุคที่สามารถแชร์เพลงกับใครในโลกก็ได้ผ่านทาง YouTube หรือช่องทาง Subscription ต่าง ๆ ดังนั้นเราเลยมีความรู้สึกว่า “เป็นเรื่องที่น่าดีใจมาก หากเพลงของพวกเราจะสามารถข้ามผ่านพรมแดนไปได้” อยู่แล้วครับ แต่ในเชิงการวางกลยุทธ์นั้น พวกเราไม่ได้มีความคิดที่ว่า “จะทำให้เพลงนี้ให้สามารถเอาชนะใจคนทั้งโลกให้ได้” แบบนั้นเลยครับ ความตั้งใจของพวกเรานั้นเรียบง่ายและธรรมดามากครับ

− หลังจากนี้ มีแผนจะแสดงไลฟ์หรือทำกิจกรรมอื่น ๆ ในไทยหรือในต่างประเทศบ้างไหม

Ayase: เรายังไม่มีกำหนดการเป็นรูปธรรมครับ แต่เราก็หวังว่าจะมีโอกาสได้ทำกิจกรรมในต่างประเทศมาตลอดเลย หากสถานการณ์คลี่คลาย เราก็อยากจะไปแสดงไลฟ์และมีโอกาสได้พบปะกับแฟน ๆ ในที่ต่าง ๆ ครับ


ความรู้สึกเมื่อได้แสดงไลฟ์ครั้งแรกต่อหน้าผู้ชม


− ในเดือนธันวาคม ค.ศ.2021 ได้แสดงไลฟ์ครั้งแรกต่อหน้าผู้ชมที่ Nippon Budokan ตอนนั้นรู้สึกอย่างไรบ้าง

Ayase: ความรู้สึกในตอนนั้นก็คือ “ในที่สุดก็ได้พบกันสักที” ครับ เพราะอยากทำการแสดงไลฟ์แบบที่มีผู้ชมแต่ก็ไม่สามารถทำได้ มันเลยทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดมาตลอดเลยครับ และหลังจากที่ได้แสดงไลฟ์ต่อหน้าผู้คนมากมาย ตอนนั้นความรู้สึกของผมมันท่วมท้นมาก ๆ ครับ พูดถึงก็ยังรู้สึกซาบซึ้งอยู่เลยครับ

ikura: ฉันเองก็เหมือนกันค่ะ ดีใจมาก ๆ ที่ได้ใช้เวลาร่วมกันกับทุกคนที่ฟังเพลงของพวกเราอยู่เสมอ มันทำให้ฉันได้ลิ้มรสชาติความสุขของการแสดงไลฟ์ การได้ยินเสียงปรบมือตามจังหวะของทุกคนนั้นทำเอาใจฉันสั่นระรัวเลยล่ะค่ะ

− หลังจากการแสดงไลฟ์ต่อหน้าผู้ชมแล้ว มีความเปลี่ยนแปลงทางด้านความรู้สึกหรือในด้านของการทำเพลงบ้างหรือเปล่า

Ayase: ของผมไม่ค่อยมีนะครับ ที่จริง ผมเคยคิดอยากแต่งเพลงสำหรับใช้ในการแสดงไลฟ์โดยเฉพาะเหมือนกัน แต่เพลงของโยอะโซบินั้นให้ความสำคัญกับเรื่องของ “การแปลงนิยายให้เป็นดนตรี” ผมเลยตั้งใจยึดถือจุดยืนเดิมในการทำเพลงต่อไปครับ

ikura: สำหรับฉัน ในด้านความคิดสร้างสรรค์ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปมากเหมือนกันค่ะ แต่ฉันรู้สึกว่าการได้แสดงไลฟ์นั้นส่งผลดีในด้านของจิตใจซะมากกว่า ก่อนหน้านี้ฉันรับรู้ถึงการมีอยู่ของแฟน ๆ ผ่านช่องทางโซเชียล แต่หลังจากที่ได้แสดงไลฟ์ก็ทำให้ฉันรู้สึกได้ใกล้ชิดกับทุกคนมากขึ้น “เพราะทุกคนส่งกำลังใจให้อยู่ ฉันก็จะพยายามให้มากกว่านี้” นั่นเป็นความรู้สึกที่ได้ฉันได้รับจากการแสดงไลฟ์ค่ะ


เพลงโปรดของแต่ละคน


− ในบรรดาเพลงของ YOASOBI ชอบเพลงไหนมากที่สุด

Ayase: ผมรักทุกเพลงราวกับเป็นลูกของตัวเองเลยครับ แต่เพลงที่ทำให้ผมรู้สึกถึงความสำเร็จมากที่สุดคงเป็นเพลง “Moshimo inochiga egaketara” (もしも命が描けたら) ครับ เพลงนี้เป็นเพลงประกอบละครเวที โดยคุณโอซามุ ซูซูกิได้เข้ามามีส่วนร่วมในหลาย ๆ ขั้นตอนตั้งแต่การประพันธ์เลยครับ ใจความของเนื้อเรื่องก็คือ “ตัวเอกของเรื่องจะวาดภาพในขณะที่เวลาชีวิตค่อย ๆ เหลือน้อยลง เพื่อที่จะแบ่งปันชีวิตนั้นให้กับใครสักคน” มีฉากที่มีเนื้อหาซีเรียสค่อนข้างเยอะ ผมพยายามอย่างมากในการรวมสิ่งเหล่านั้นเอาไว้ในหนึ่งเพลง เพลงนี้เลยกลายเป็นเพลงที่ผมประทับใจมาก ๆ ครับ

ikura: ลังเลมากเลยค่ะเพราะว่าฉันชอบทุกเพลงเลย ถ้าเมื่อก่อนคงเลือกตอบว่าเพลง “Yasashii Suisei” (優しい彗星) แต่ช่วงนี้น่าจะเปลี่ยนเป็นเพลง “Gunjou” (群青) ค่ะ ตอนที่แสดงไลฟ์เพลงนี้ ผู้ชมก็จะช่วยปรบมือตามจังหวะ อีกทั้งยังเป็นเพลงแรกที่แต่งเสร็จ และยังเป็นเพลงที่ได้แสดงร่วมกับวงออร์เคสตราและทีมแดนเซอร์บนเวทีขาว-แดงเมื่อปลายปี ค.ศ.2021 ด้วย ก็เลยเป็นเพลงที่ฉันรู้สึกผูกพันค่อนข้างมากในแง่มุมที่ถือเป็น “เพลงที่เติบโตขึ้นมาได้ด้วยความช่วยเหลือของทุกคน” ค่ะ


ความรักแบบหวานอมเปรี้ยวในเพลง “Sukida”


− ซิงเกิ้ลล่าสุด “Sukida” (好きだ) ซึ่งเกิดจากนิยายเรื่อง “Hikari no Tane” (光の種) ของนักเขียนเอโตะ โมริ เจ้าของรางวัลนาโอกินั้นเป็นเพลงแบบไหนกันนะ

Ayase: เพลงนี้เป็นเพลงที่อิงจากนวนิยายเรื่อง “Hikari no Tane” ซึ่งเป็นเรื่องราวของวัยรุ่นที่อยู่ในช่วงอายุ 10 – 20 ปี เป็นเรื่องราวของเด็กสาวมัธยมปลายที่แอบชอบเพื่อนสมัยเด็กและได้เดินทางข้ามเวลา สำหรับตัวผมเอง นี่ถือเป็นครั้งแรกเลยที่ได้เขียนเพลงรักที่ตรงไปตรงมาแบบนี้ ซึ่งในขั้นตอนการเขียนเพลงนั้น ผมก็ต้องย้อนเวลากลับไปประชันหน้ากับสิ่งที่ทำให้ใจผมเต้นตึกตักในสมัยนั้นอีกครั้ง และก็ได้หยิบเอาความรู้สึกหวานอมเปรี้ยวในตอนนั้นมาใส่ลงไปในเพลงนี้ด้วยครับ

ikura: ฉันมีเรื่องราวที่คล้ายกันกับเพลงนี้ด้วยค่ะ ในเรื่องนี้ตัวเอกจะสารภาพรักกับเพื่อนในวัยเด็กของเธอหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งตอนที่ฉันอ่านนิยายก็นึกขึ้นมาว่า “ฉันเองก็เคยสารภาพรักถึง 2 ครั้งกับคนเดิมด้วยล่ะ” หรือ “ตอนคิดถึงคนที่ชอบ ท่าทีของฉันมันเป็นยังไงนะ” ฉันเอาประสบการณ์ต่าง ๆ ในวัยเรียนมาใช้ตอนอัดเพลง แล้วก็ตั้งใจอัดเสียงด้วยความสดใส ให้ได้ความรู้สึกราวกับตัวฉันเองรุ่นราวคราวเดียวกับตัวเอกซึ่งที่จริงมีอายุน้อยกว่าตัวจริงของฉันเล็กน้อยค่ะ


โยอะโซบิกับการได้ร่วมงานกับนักเขียนเจ้าของรางวัลนาโอกิทั้ง 4 คน


โยอะโซบิได้มีโอกาสร่วมงานกับนักเขียน 4 คนซึ่งเป็นเจ้าของรางวัลนาโอกิ ในโปรเจ็กต์ “Hajimete no” (はじめての) เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์เพลงแนวนวนิยายที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน อย่าพลาดเรื่องราวโดยนักเขียนฝีมือเยี่ยมอย่าง ริโอะ ชิมาโมโตะ, มิซึกิ ทสึจิมูระ, มิยูกิ มิยาเบะ และเอโตะ โมริ โดยเด็ดขาด! (ข้อมูลเพิ่มเติม: คลิก)

"Hajimete no" (はじめての)

− เป้าหมายและสิ่งที่อยากทำในอนาคต ทั้งในรูปแบบวงและส่วนตัว

ikura: ในรูปแบบของวง ฉันอยากไปแสดงไลฟ์ต่อหน้าแฟน ๆ ทั้งในญี่ปุ่น ในไทย และทั่วโลกค่ะ และในเรื่องส่วนตัวแล้ว ฉันอยากจะท้าทายตัวเองกับสิ่งที่ถือว่า “เพราะเป็นผู้ใหญ่แล้วจึงทำได้” แบบนั้นดูค่ะ ตอนนี้ ฉันอายุ 21 ปีแล้ว ถึงแม้จะบรรลุนิติภาวะ แต่เพราะสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เลยทำให้ไม่มีโอกาสได้ออกไปดื่มข้างนอกเลยค่ะ อายาเสะซังบอกฉันว่า “ไปตระเวนตามบาร์ต่าง ๆ (Bar hopping) ที่โคเอ็นจิสนุกมากเลยนะ” ถ้าสถานการณ์ดีขึ้นแล้ว ฉันก็อยากจะไปนั่งดื่มบนลังเบียร์ดูค่ะ (หัวเราะ) แล้วก็ยังมีเรื่องอื่น ๆ อีกหลายอย่างที่อยากทำด้วยค่ะ อย่างการไปเที่ยวคนเดียว ฉันอยากจะใช้ชีวิตนี้ให้เต็มที่ไปเลยค่ะ!

Ayase: สำหรับผมแล้ว ถ้าเรื่องส่วนตัวแล้วล่ะก็… ผมอยากจะไปตระเวนตามบาร์ต่าง ๆ ในต่างประเทศครับ ระยะหลังมานี้มีคนเข้ามาทักผมเวลาที่เดินอยู่ในเมืองมากขึ้นซึ่งผมก็ดีใจนะครับ แต่ในทางกลับกัน ผมก็รู้สึกสับสนและรู้สึกถึงความรับผิดชอบด้วย เลยรู้สึกว่า เอ~ นี่เราจะออกไปดื่มข้างนอกแบบสบาย ๆ เหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้วเหรอ ผมอยากออกไปเดินข้างนอกได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องสายตาของคนรอบข้างน่ะครับ


ชวนโยอะโซบิมาตอบคำถามแฟน ๆ ชาวไทยกัน!


− ได้ยินมาว่าที่ญี่ปุ่นช่วงฤดูร้อนนี้อากาศร้อนมาก มีวิธีรับมือหรือป้องกันอย่างไรบ้าง

Ayase: เจลเย็นลดไข้ใช้ได้ดีเลยล่ะครับ (หัวเราะ) ผมเพิ่งติดตั้งห้องเก็บเสียงในบ้าน ผมเลยทำงานที่นั่นมากขึ้น แต่ในห้องนั้นไม่มีแอร์ อยู่ในนั้นแค่ 10 นาทีก็ร้อนจนจะแย่แล้วครับ ผมเลยได้เจลลดไข้นี่แหละช่วยชีวิตเอาไว้

ikura: พอรู้สึกร้อนฉันจะชอบกินไอศกรีมรสโปรดค่ะ เพื่อจะช่วยให้ภายในร่างกายรู้สึกเย็นลง ปกติฉันมักจะซื้อไอศกรีมหลาย ๆ ประเภทเอาไว้ในตู้เย็น แต่สำหรับฤดูร้อนฉันแนะนำไอศกรีมซอร์เบต์ค่ะ

− ระหว่างกลางวันกับกลางคืน ชอบช่วงเวลาไหนมากกว่ากัน

Ayase: ผมเป็นมนุษย์กลางคืนโดยแท้เลยครับ มีหลายครั้งที่ผมแต่งเพลงจนถึงเช้าเลย ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อน ผมคงตอบว่า “กลางคืน” โดยไม่ลังเล แต่ระยะหลังมานี้ผมค่อย ๆ ตกหลุมรัก “กลางวัน” มากขึ้นครับ ทั้งที่ตลอดทั้งวัน เราต่างก็มีสิ่งที่อยากทำมากมาย แต่ช่วงเวลาที่เราลืมตาตื่นนั้นมีน้อย นี่จึงอาจจะเป็นความหลงใหลอย่างหนึ่งก็ได้มั้งครับ

ikura: ฉันก็ด้วยค่ะ ฉันจะเป็นสายกลางคืนเพราะว่าทำเพลงในช่วงกลางดึกค่อนข้างเยอะ แต่พอเวลาผ่านไปฉันเริ่มมีปัญหาสุขภาพ นอนไม่หลับมากขึ้น พอได้เจอแสงแดดยามเช้าก็จะรู้สึกว่า “ไม่เป็นไรนะ วันนี้ฉันก็ยังมีชีวิตอยู่” ช่วงเวลาที่ได้อยู่ท่ามกลางแสงแดดสาดส่องแบบนั้น มันทำให้ฉันรู้สึกถึงความสุข บางทีสำหรับฉันเองก็คงชอบ “กลางวัน” เหมือนกันค่ะ

− ในคืนที่นอนไม่หลับจะทำอย่างไร หรือมีวิธีที่ช่วยให้หลับง่ายขึ้นแนะนำบ้างไหม

Ayase: ผมเป็นประเภทที่ชอบฟุ้งซ่านก่อนนอนเสมอเลยครับ เพราะฉะนั้นพอรู้ตัวอีกทีก็หลับไปแล้วน่ะครับ (หัวเราะ) ถ้าเป็นช่วงที่นอนไม่หลับเพราะกังวล ผมมักจะหาอะไรเพลิน ๆ ทำอย่างเช่นการนอนดู YouTube ครับ

ikura: สำหรับตอนที่จำเป็นต้องเข้านอนแล้วจริง ๆ ฉันจะเข้านอนในสภาพที่บอกตัวเองว่า “ฉันอยากนอนเดี๋ยวนี้” แต่ถ้าตอนที่มีพลังงานเหลือเฟือล่ะก็จะนอนไม่หลับเลยค่ะ พอถึงเวลาที่นอนไม่หลับก็รู้สึกเสียดายเวลาที่นอนหลับตาอยู่เฉย ๆ เลยมักจะดู YouTube หรือดูหนังขณะที่อยู่บนเตียงบ่อย ๆ ค่ะ บางครั้งก็มีเนื้อเพลงลอยเข้ามาในหัวในช่วงเวลาแบบนั้นด้วยค่ะ

− มีสถานที่ในญี่ปุ่นที่อยากจะแนะนำให้คนไทยลองไปเที่ยวไหม

Ayase: คนไทยจะชอบสถานที่แบบไหนกันนะ? ผมชอบโตเกียวมาก เลยน่าจะเป็นโตเกียวครับ เพราะผมรู้สึกว่าที่นี่เป็นสถานที่ที่สามารถมองเห็นความเป็นญี่ปุ่นในหลากหลายแง่มุมได้ชัดเจนที่สุดครับ

ikura: สำหรับฉันก็โตเกียวเหมือนกันค่ะ มีสถานที่ท่องเที่ยวเยอะเลย ฉันคิดว่าชาวต่างชาติก็น่าจะเพลิดเพลินไม่น้อย แล้วก็อยากจะแนะนำคามาคุระและเอโนะชิมะค่ะ ทั้งทิวทัศน์ริมทะเล เมืองเก่าที่สวยงาม และมีของกินอร่อย ๆ เต็มไปหมดเลย ส่วนตัวแล้วฉันชอบเป็นพิเศษเลยล่ะค่ะ

− แล้วถ้ามีโอกาสได้มาประเทศไทย อยากทำอะไรกันบ้าง

Ayase: ผมชอบกินอาหารท้องถิ่นมาก ๆ ครับ สั่งข้าวมันไก่จากร้านที่อยู่แถวบ้านผ่านทาง Uber Eats อยู่บ่อย ๆ ผมก็เลยอยากลองกินอาหารไทยอร่อย ๆ เยอะ ๆ ครับ

ikura: ฉันเองก็ชอบกินอาหารไทยมากเลยค่ะ ก่อนหน้านี้ก็ชอบไปร้านอาหารไทยที่คิจิโจจิอยู่บ่อย ๆ ถ้าได้ไปประเทศไทยล่ะก็ อยากจะไปลองกินอาหารสตรีทฟู้ดหลาย ๆ อย่างเลยค่ะ

− สุดท้ายแล้ว อยากฝากอะไรถึงแฟน ๆ ชาวไทยกันบ้างเอ่ย

Ayase: หากมีโอกาสที่โยอะโซบิจะได้ไปแสดงไลฟ์ที่ไทยในสักวัน พวกเราก็อยากจะพบกับแฟน ๆ และหวังว่าทุกคนจะคอยให้กำลังใจพวกเราเหมือนอย่างเคยครับ

ikura: ขอบคุณมาก ๆ ที่ฟังเพลงของโยอะโซบิค่ะ ถ้าหากมีโอกาส พวกเราก็อยากจะไปประเทศไทย หรือไม่ พวกเราก็จะพยายามสร้างโอกาสนั้นขึ้นมาเองเพื่อให้ได้ไปที่ไทยค่ะ ถ้าวันนั้นมาถึง หวังว่าจะได้เจอกันนะคะ ขอบคุณค่ะ

ติดตามและเป็นกำลังใจให้ YOASOBI ได้ทาง
Website l YouTube l Twitter

สัมภาษณ์และเรียบเรียงภาษาญี่ปุ่นโดย: Hinata
บทสัมภาษณ์ภาษาญี่ปุ่นทาง DACO: ตอนที่ 1 / ตอนที่ 2


อ่าน “YOASOBI ศิลปินคู่ผู้สร้างโลกแห่งเสียงเพลงจากตัวหนังสือในนิยายคลิก

views