First screening event in Thailand with Yuki Yamada กับการโปรโมทภาพยนตร์เรื่อง “โตเกียว รีเวนเจอร์ส : ฮาโลวีนสีเลือด – ศึกตัดสิน”
ผ่านไปแล้วกับช่วงเวลาประทับใจที่แฟนภาพยนตร์ “โตเกียว รีเวนเจอร์ส : ฮาโลวีนสีเลือด – ศึกตัดสิน” ได้ใกล้ชิดกับผู้รับบทดราเค่นตัวจริงเสียงจริงอย่าง “ยูกิ ยามาดะ” ในงาน First screening event in Thailand with Yuki Yamada งานนี้ DACO THAI ก็ได้เก็บบรรยากาศและนำบทสัมภาษณ์พิเศษมาฝากเพื่อน ๆ ด้วยเช่นกัน
เริ่มตั้งแต่สิบโมงกว่า ที่เหล่าแฟนภาพยนตร์ บ้างก็แต่งคอสเพลย์ตัวละครต่าง ๆ มาต่อแถวรับบัตรรอชมภาพยนตร์ และรอพบปะตัวจริงเสียงจริงกับ ยูกิ ยามาดะ ซึ่งหลังจากชมภาพยนตร์แล้ว ยามาดะซังก็ได้ขึ้นมาทักทายเหล่าแฟนคลับด้วยท่าทางประหลาดใจกับการส่งเสียงกรี๊ดต้อนรับของแฟนคลับชาวไทย และระหว่างการสัมภาษณ์ ก็ได้มีการตอบคำถามที่คัดเลือกมาจากแฟนคลับ และพยายามโต้ตอบด้วยภาษาอังกฤษอีกด้วย มีความเป็นกันเองมาก ๆ
แต่ละคำถามทำให้เราได้รู้เรื่องราวเบื้องหลังและความสัมพันธ์ระหว่างนักแสดงภายในกอง ไม่ว่าจะเป็นเรียว โยชิซาวะ ผู้รับบท ไมกี้ หรือทาคุมิ คิตามุระ ผู้รับบท ทาเคมิจิ หลังจากชมภาพยนตร์เรื่องนี้จบเรื่องยิ่งทำให้ประทับใจ รวมทั้งประสบการณ์ระหว่างที่อยู่ประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นรถตุ๊กตุ๊กครั้งแรก ที่เขาชอบทช่วงเวลาที่ได้นั่งท่าเท่ ๆ พร้อมกับลมที่กระทบเข้าฝบหน้า พร้อมเรียก “ตุกุตุกุ” ด้วยสำเนียงภาษาญี่ปุ่นอย่างน่ารัก หรือจะเป็นเรื่องอาหารไทยที่ได้มาลิ้มรสต้มยำกุ้งของจริง หลังจากนั้นยามาดะซังยังได้เก็บภาพของเข้ากับแฟน ๆ ในโรงภาพยนตร์ และแจกรางวัลผู้โชคดีเป็นโปสเตอร์พร้อมลายเซ็นต์อีกด้วย ก่อนจบงาน ช่วงถ่ายภาพ พอมีให้ทำท่าน่ารัก ๆ เขายังมีพูดติดตลกด้วยว่านี่อายุ 33 แล้วนะ ไม่ใช่วัยแล้วล่ะอีกด้วย
และนี่คือบทสัมภาษณ์ที่ทำให้เราได้เห็นถึงความทุ่มเท ความตั้งใจของยูกิ ยามาดะ ยูกิ
- ตอนที่ทราบว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะมีภาคต่อรู้สึกอย่างไรบ้าง
ตอนที่ทราบว่าจะมีทำภาคต่อ เป็นตอนที่ถ่ายทำภาคแรกอยู่ครับ ไม่ได้คาดคิดว่าจะมีภาคต่อเลย เพราะตอนนั้นก็คิดว่าจะทำสิ่งนี้ให้ดีที่สุดก่อน ทุกคนทุ่มเท เต็มที่กับภาคหนึ่งมาก ๆ แต่พอทำออกมาแล้ว เสียงตอบรับดี และพอรู้ว่าจะได้ทำต่อจริง ๆ ก็รู้สึกประหลาดใจ และกังวลใจตามมาด้วยว่าจะทำได้ดี เป็นกระแสได้ดีเท่าภาคแรกหรือเปล่าน่ะครับ
- ก่อนที่จะรู้ว่าต้องแสดงเป็นตัวละครนี้เคยอ่านหนังสือการ์ตูนมาก่อนไหม
เคยอ่านมาก่อนครับ เพราะเรียว โยชิซาวะมาบอกให้ว่า “อ่านเรื่องนี้หน่อยสิ อ่านเอาไว้ก่อน แล้วถ้าเรื่องนี้ได้ทำเป็นภาคคนแสดง ก็อยากให้นายแสดงเป็นดราเค่นนะ” ก็เลยลองเริ่มอ่าน แล้วเพิ่งมารู้ทีหลังว่าคิตามุระ และโยชิซาวะเขาเคยคุยกันว่า “ถ้าเป็นภาคคนแสดงก็อยากให้ยามาดะเล่นเนอะ”
- ประทับใจฉากไหนที่สุดหรือมีสถานที่ถ่ายทำที่ชอบไหม
(หัวเราะ) ในภาพยนตร์ภาคแรกมีคำพูดที่ว่า “ไม่ต้องมีหัวไว้ก้มก็ได้ แค่มีใจคิดถึงผู้อื่นก็พอ” ซึ่งคิดว่าเข้ากับตัวเองมาก เป็นคนที่คิดแบบนี้อยู่แล้วเลยยิ่งอินกับคำพูดนี้ และในจังหวะที่กำลังแสดง ตอนที่พูดประโยคนี้ออกมาก็รู้สึกเป็นสิ่งสำคัญมาก เลยมีความกังวลว่าจะทำออกมาได้ไม่ดีครับ
อีกเรื่องหนึ่งคือมีโอกาสได้แสดงภาพยนตร์แอ็กชันมาเยอะ ซึ่งเวลาที่เราดูภาพยนตร์ที่ถูกปล่อยออกมา เราจะดูรวดเดียวจบใช่ไหมครับ แต่เวลาถ่ายทำนั้นไม่ใช่ ต้องมีการถ่ายซ้ำ หลายมุม หลายแบบ จากมุมด้านข้าง ด้านหน้า ด้านหลัง เพื่อให้ได้มุมที่ดีที่สุด รวมทั้งมีการใช้เทคนิคต่าง ๆ ตัวผมเองก็ทุ่มเทมาก ๆ ตั้งใจไม่อยากให้ซ้ำกับใครครับ
- องค์ประกอบสำคัญของภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือเรื่องคอสตูม คอสตูมเหล่านี้มีส่วนช่วยให้คุณเข้าถึงบทบาทหรือไม่
ทรงผมดราเค่นสำหรับคนไทยเองก็น่าจะคิดว่าเป็นทรงผมที่มีเอกลัษณ์และค่อนข้างแรงเลยใช่ไหมครับ ผมเป็นคนที่เล่นเรื่องไหนก็อยากเต็มที่ อยากจะเคารพต้นฉบับ อยากให้เหมือนคาแรกเตอร์ในการ์ตูนมากที่สุด ซึ่งทรงผมที่ทำเรียกว่า “เบงปัตสึ” เป็นการโกนผมด้านหลังเหลือด้านบนไว้ ก็ได้ทำให้เหมือนแล้ว อีกทรงผมหนึ่งเป็นทรงสกินเฮด ก็ออกตัวเลยว่าอยากทำ แต่ต้นสังกัดห้ามเอาไว้ อย่าทำเลย เลยไม่ได้ทำครับ
- ได้ยินว่าในภาคศึกตัดสินนี้ เนื้อหา รวมถึงฉากแอ็คชันดุเดือดขึ้นมากเลย อยากทราบว่าในส่วนของการแสดงมีความท้าทายมากกว่าภาคก่อนหน้าหรือไม่
ในฉากต่อสู้จะมีฉากวันคัทด้วย ถ่ายทำค่อนข้างยาว ต้องต่อสู้กับศัตรูถึงประมาณ 20 คน ความยากคือการรักษากำลังยังไงไม่ให้แผ่ว ให้มันแรงตั้งแต่ต้นจนจบ ซึ่งในช่วงนั้นก็มีรับงานอื่นด้วย สิ่งสำคัญจึงต้องรักษาร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอครับ
- ฉากต่อสู้ฉากไหนที่คุณใช้เวลาซ้อมนานที่สุด
คงเป็นฉากที่พูดถึงไปก่อนนี้ที่เป็นฉากสู้กับ 20 คน แต่ถึงจะเป็นการซ้อม แต่ก็ไม่ใช่การซ้อมกับคู่ต่อสู้จริง ๆ จะเป็นการคุยกับผู้กำกับแอ็คชัน ว่าจะทำยังไง ฉากนี้จะทำยังไงต่อ ก็จะแบ่งเป็นขั้นตอน คุยกันก่อน แล้วก็แสดงจนเสร็จ ใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน ช่วงนั้นก็ยุ่งมากด้วยเพราะถ่ายอีกสองเรื่องพร้อมกัน เพื่อน ๆ ที่เล่นเรื่องเดียวกันก็คิวทองกันหมด หาเวลามาร่วมซ้อมด้วยกันยาก เป็นการซ้อมเดี่ยวมากกว่า แล้วค่อยมาเจอกัน คุยกัน และแสดงเลยครับ
- ในภาพยนตร์ภาคแรกและภาคสอง ตัวละครดราเค่นมีการพัฒนาอย่างไรบ้าง
ด้วยความที่มีสองภาค ก็จะมีหลายยุคสมัย ทั้งตอนเด็กและตอนโต ข้อแตกต่างก็คือตอนเด็ก จะมีความสดใส หัวเราะบ่อยกว่า ตอนโตก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง ต้องแสดงแยกเป็นคนละแบบครับ
ความแตกต่างคือหลังจากที่ฆ่าคน จะมีท่าทีที่นิ่งแบบแปลก ๆ อดีตกับปัจจุบันมีความแตกต่างกัน ในส่วนของ story telling จะเล่าเรื่องราวแบบย้อน อาศัยการถามทาเคมิจิว่าจำไม่ได้เหรอ เป็นการบอกให้คนดูคอยสังเกตว่าตอนนี้เป็นอย่างไร นี่ผมเล่าเองก็เริ่มงงเองแล้วครับ
- จุดเด่นของดราเค่นที่คุณชอบมากที่สุด
จุดที่นึกถึงจิตใจคนอื่นครับ
- ทำไมถึงต้องดูภาพยนตร์เรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์
ยุคสมัยนี้ทุกคนสามารถดูหนัง ดูข้อมูลต่าง ๆ ทางอินเตอร์เน็ตได้ ดูไปพร้อม ๆ กับทำอย่างอื่น เช่น นั่งรถไปด้วย เดินไปดูไป หรืออาจจะเร่งให้เร็วขึ้น 1.5 เท่ายังได้ ทำให้ดูแบบผ่าน ๆ การมาดูในโรงหนังต้องมีการจดจ่ออยู่ที่หน้าจอ ได้ดูว่าผู้กำกับนำเสนออะไร เป็นการเรียนรู้ผู้คนด้วย การเรียนรู้คนคือการเรียนการศึกษาอย่างหนึ่ง การรู้จักโลกจะทำให้มนุษยชาติของเราพัฒนาต่อไปได้อีก ดังนั้นการดูภาพยนตร์ในโรงหนังจึงเป็นสิ่งสำคัญมากครับ
- พอพูดภาษาไทยได้บ้างไหมหรือมีคำศัพท์อะไรที่อยากเรียนไหม
“山田裕貴はいい俳優らしいよ” (ยามาดะยูกิเป็นนักแสดงที่ดีนะ)
(หลังจากยามาดะซังลองพูดแล้ว ก็ได้ให้ทุกคนพูดกลับให้เขาด้วย)
- อยากให้ฝากอะไรถึงแฟน ๆ ชาวไทยที่สนับสนุนผลงานหน่อย
จากการที่ได้มาเมืองไทย ทำให้รู้ว่ามีผู้คนอีกมากมายที่ยังชื่นชมผลงานเราอยู่ อยากจะเห็นผลงานเรา และก็ทำงานเพื่อเราด้วย การเอาหนังมาฉายต้องใช้ความร่วมมือจากหลายฝ่าย ถึงแม้จะยังไม่เยอะมาก แต่ก็ดีใจมากที่มีคนทำเพื่อเราขนาดนี้ ตอนที่อยู่ในญี่ปุ่น อาจจะไม่รู้ตรงนี้ พอออกมาต่างประเทศก็ได้เห็นโลกกว้าง เห็นว่าข้างนอกเขาก็ชื่นชอบเราเหมือนกัน อยากให้คนต่างประเทศเห็นผลงานหนังญี่ปุ่น ละครญี่ปุ่นมากขึ้น เพราะที่ญี่ปุ่นยังมีผู้กำกับ นักแสดง ทีมงานที่มีคุณภาพอีกมากมาย และอยากให้มีหนังญี่ปุ่นมาฉายในโรงแบบนี้อีกเยอะ ๆ เลยครับ อยากให้โลกได้เห็น อย่างคำพูดที่ชอบคือ “การรู้จักจิตใจคน” ครับ ช่วยเป็นกำลังใจให้ด้วยนะครับ
และสำหรับแฟนภาพยนตร์และแฟนมังงะที่พลาดรอบพิเศษนี้ไป อย่าพลาดติดตามชมภาพยนตร์เรื่อง “โตเกียว รีเวนเจอร์ส : ฮาโลวีนสีเลือด – ศึกตัดสิน” นี้ในโรงภายนตร์ ตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม เป็นต้นไป ซึ่งสำหรับภาค 2.2 ฮาโลวีนสีเลือด ศึกตัดสิน จะเป็นช่วงเวลาที่ทาเคมิจิย้อนเวลากลับไปแก้ปมการปะทะของเหล่าพวกพ้องเพื่อช่วยฮินะ เขาจะทำสำเร็จหรือไม่ ต้องไปติดตามกัน ฉากแอ็คชันเข้มข้น ไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน!!
ติดตามกิจกรรมดี ๆ แบบนี้เพิ่มเติมได้ทาง Japan Anime Movie Thailand